สูงสุดคืนสู่สามัญ จากนายพลสู่ก้นครัว
เมืองบีลิน รัฐมอญ – ลูนหม่อง อดีตนายทหารระดับนายพลไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการปล่อยให้สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป และฝังสิ่งที่เขารับรู้ไว้ในผืนดิน
ในชุดเสื้อกล้ามสีเขียวขี้ม้านุ่งโสร่ง เขากำลังทำความสะอาดโต๊ะในร้านอาหารแหงหนึ่งริมถนนในเมืองทางตอนใต้ของพม่า เป็นอีกโลกหนึ่งที่ห่างไกลจากชีวิตของเขาในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา เขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่พลิกผันในชีวิตจนต้องตกต่ำลงมาเช่นนี้
“ผมไม่อยากพูดถึง เพราะมันไม่ดีกับคนที่เกี่ยวข้อง” เขาพูดถึงสาเหตุที่ต้องถูกปลดออกจากอาชีพที่มีอิทธิพลมากที่สุดในพม่าเมื่อปีที่แล้ว
ตำแหน่งของลูนหม่องในสมัยรัฐบาบเผด็จการทหาร คือเจ้ากรมจเรทหารบกและผู้ตรวจสอบในสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ในปี 2011 ในรัฐบาบเต็งเส่ง เขาก็ได้รับการแต่งตั้งอีกครั้งให้เป็นผู้ตรวจสอบในสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน
ทว่า แค่ปีเดียวหลังจากนั้น เขาก็ต้องช็อกเมื่อดูข่าวทางโทรทัศน์แล้วพบว่า รัฐบาลประกาศว่าเขาได้รับอนุญาตให้ พักงานราชการ ไปแล้ว ซึ่งเป็นการไล่ออกอย่างนุ่มนวลนั่นเอง
ปัจจุบัน อดีตนายพลคนนี้ทำหน้าที่ดูแลลูกค้าในร้านอาหารของเขาที่ตั้งอยู่ในเมืองบิลิน รัฐมอญทางตอนใต้ของพม่า หลายอย่างทำให้เขาเชื่อว่า เขาถูกไล่ออกเพราะเขาได้บันทึกหลักฐานอย่างละเอียดการคอรัปชั่นในหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงาน ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของเขาในการตรวจงบประมาณประจำปี
เขาถูกกล่าวหาว่าส่งรายงานการตรวจสอบงบประมาณให้กับฉ่วยมาน ที่ดำรงโฆษกรัฐบาล ซึ่งเขาควรจะส่งให้ประธานาธิบดีโดยตรง โดยในรายงานฉบับดังกล่าวระบุถึงการคอรัปชั่นอย่างมหาศาลในหกกระทรวงและรั่วไหลไปถึงสื่อมวลชน
“แม้ว่าผมจะทำงานหนัก แต่สิ่งที่ผมทำอาจส่งผลเสียต่อประเทศ และแม้ว่าสิ่งที่ผมทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มันก็กลับกลายเป็นผิดจนได้”
ลูนหม่องมาจากครอบครัวชาวไทใหญ่ฐานะยากจน เขาเติบโตขึ้นโดยที่พูดภาษาพม่าไม่ได้ เขาเล่าว่า ตอนเด็กๆ ถูกพ่อตีเมื่อรู้ว่าเขาเรียนภาษาพม่าที่โรงเรียนเพราะกลัวว่าเขาจะลืมภาษาไทใหญ่ที่เป็นภาษาแม่
ในช่วงปี 1960 เขาสมัครเข้าในสถาบันการป้องกันประเทศ ปีเดียวกับติ่นอ่องมิ้นอู อดีตรองประธานาธิบดี และมีฉ่วยมานเป็นรุ่นพี่เขาปีหนึ่ง ขณะที่เทอู รองประธานของพรรค USDP คนปัจจุบันจะเข้ามาสองปีให้หลัง
ในช่วงที่พวกเขาอยู่ในสถาบัน ลูนอ่องพบว่าเขามีความคิดที่ต่างจากฉ่วยมานและเทอู ซึ่งทั้งหมดมีตำแหน่งสูงในรัฐบาลเผด็จการเช่นกัน “ผมไม่ชอบพบปะสังสรรค์กับคนที่มีนิสัยไม่เหมือนกัน” เขากล่าว
หลังจากพ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน เขาออกมาแบบกระเป๋าแห้ง และมาอยู่กับภรรยาที่เปิดร้านอาหารอ่องแปโซงในเมืองบีลิน ชีวิตของเขาแตกต่างจากนายพลที่เกษียณอายุคนอื่นๆ ที่มักจะออกมาโดยมีกำไรทหาศาลจากธุรกิจส่วนตัวและร่ำรวยจากเงินที่มักจะได้มาโดยมิชอบ
ในฐานะที่เคยเป็นหัวหน้าผู้ตรวจสอบงบประมาณแผ่นดิน เขาจึงรู้ว่าใครบ้างที่นำเงินของรัฐไปใช้โดยมิชอบ ซึ่งเขาไม่ชอบการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว “มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึง” เขาพูดถึงรายชื่อคนที่คอรัปชั่น “ผมไม่อยากให้ใครที่เกี่ยวข้องเดือดร้อน”
ในขณะเดียวกัน เขาดูเหมือนจะมีความสุขอยู่กับจานชามและอาหารในร้านเล็กๆ ของรัฐมอญอยู่ไม่น้อย เขาตื่นมาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเที่ยงคืน และมักจะสวมเสื้อกล้ามสีเขียวขี้ม้า คล้ายกับว่าเขายังไม่พร้อมที่จะลืมทุกอย่างในอดีตเสียทีเดียว
“ผมมีงานทำทั้งวัน ตอนที่เป็นนายพลผมเคยมีเวลาไปตีกอล์ฟ แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาเหลือเพื่อหาความสุขอย่างนั้นอีกแล้ว”
“แต่ชีวิตที่ผมเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เรียบง่ายดี”
เมียะเมียะเส่ง ภรรยาของเขาบอกว่า “ตอนนี้เรามีความสุขกับสิ่งที่เรามี เราให้อภัยคนที่ทำกับเรา คิดว่าเป็นผลกรรมที่เราเคยทำไว้ในอดีต”
กิจการของเขาดูท่าจะไปได้สวย ด้วยลูกค้าประมาณ 500 คนต่อวัน แล้วเรื่องรสชาติอาหารหละ “มันยอดเยี่ยมมาก เพราะภรรยาผมเป็นคนเตรียมเองทั้งหมด”
- – - – - – - – - -
แปลจาก General Turned Restaurateur No Longer Has Time for Golf โดย KYAW ZWA MOE & KYAW PHYO THA
จาก THE IRRAWADDY 18 พฤษภาคม 2556