ปลัดพาณิชย์มั่นใจการเมืองไม่กระทบส่งออกปีหน้า

สำนักข่าวไทย 24 ธ.ค.-พาณิชย์มั่นใจส่งออกปีหน้ายังโตได้ร้อยละ 5 แม้การเมืองยังวุ่นวาย แต่ห่วงหากยิ่งยืดเยื้อ จะกระทบการรวมตัวของอาเซียน เสนอให้เร่งจัดรัฐบาลเรียกความเชื่อมั่นโดยเร็ว

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศขณะนี้ เป็นปัจจัยเสี่ยง และเป็นอุปสรรคต่อการรวมเป็นประชาคมอาเซียน เพราะการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ จะทำให้ประเทศยิ่งสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งตอนนี้ไทยเองมีศักยภาพ ความพร้อม และปัจจัยที่เอื้อต่อการทำธุรกิจอีกมาก รวมทั้งมีทำเลที่ตั้งซึ่งเอื้อต่อการทำธุรกิจ และเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ดังนั้นจึงอยากให้การเมืองมีเสถียรภาพโดยเร็ว และคนไทยกลับมาสามัคคีกัน มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้เดินหน้า และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ

โดยขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้พยายามเร่งผลักดันการส่งออกให้ได้มากที่สุด ด้วยการออกไปเจาะตลาดใหม่ๆ รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยสร้างมูลค่ามูลค่าให้กับตัวสินค้า ซึ่งเชื่อว่าในปี 2557 การส่งออกจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 เพราะเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว และเศรษฐกิจหลายๆประเทศดีขึ้น และเชื่อว่าหากสถานการณ์การเมืองนิ่ง การส่งออกจะขยายตัวได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม การประชุมร่วมระหว่างผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น รวมทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะยกระดับจังหวัดขอนแก่นเป็นศูนย์กลางความร่วมมือภายใต้กรอบการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้า เพราะขณะประเทศไทยจะต้องเดินหน้าแม้ว่าความวุ่นวายทางการเมืองไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อไปนานแค่ไหนก็ตาม

ด้านนายวุฒิ มณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพิ่มพูนพัฒนาอุตสาหกรรม ผู้ผลิตสำลีภายใต้ยี่ห้อโบนัส กล่าวว่า สายการผลิตของโรงงานที่อยู่ในจังหวัดขอนแก่นยังไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองมากนัก เพราะลูกค้ายังคงสั่งซื้อสินค้าในปริมาณเท่าเดิม และไม่มีความกังวลกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะยังไม่มีความรุนแรง จนถึงขั้นปิดท่าเรือ หรือกระทบต่อระบบการขนส่งของประเทศ แต่ยอมรับว่า กำลังซื้อประชาชนในประเทศเริ่มชะลอลง เพราะไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจของประเทศ จากสถานการณ์ทางการเมือง

ทั้งนี้ บริษัทในฐานะคนไทยเต็มร้อยเมื่อการเป็นประชาคมอาเซียนเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้ามีความพร้อมที่จะแข่งขันกับประเทศอาเซียนเต็มที่ โดยจะเน้นทำตลาดแทนการขยายไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราค่าจ้างแรงงานวันละ 300 บาทก็ตาม ที่ทำให้ต้นทุนต่างๆสูงขึ้น แต่เห็นว่าบริษัทพอรับภาวะต้นทุนสูงได้ดีกว่าการขยายโรงงานไปต่างประเทศ เพราะมีค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงและอ้อมสูงกว่าต้นทุนที่กระทบอยู่หลายเท่าตัว.-สำนักข่าวไทย