นายกฯ เผยไทย-เมียนมาร์หวังสร้างความเข้มแข็งอาเซียนร่วมกัน

ย่างกุ้ง 10 ต.ค. - นายกฯ เผยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้นำเมียนมาร์ ยืนยันการหารือไม่จำกัดผลประโยชน์ของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ต้องให้เกิดความเข้มแข็งของอาเซียน พร้อมย้ำนักลงทุน รัฐบาลพร้อมหนุนเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการ ขอทุกฝ่ายทำงานเชิงรุก ร่วมมือกันใกล้ชิด เป็นทีมประเทศไทยระหว่างรัฐและเอกชน

“เพ็ญพร พิพัฒโนทัย” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ซึ่งติดตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 9-10 ตุลาคม 2557 รายงานว่า นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จการเยือนครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ซึงการมาเยือนเมียนมาร์เป็นประเทศแรก เพราะเป็นประธานอาเซียน จากนี้จะเยือนประเทศอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ต้องการให้อาเซียนมีความเข้มแข็งทั้งทางด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และชายแดน ลดอุปสรรคที่มีอยู่ในขณะนี้ให้หมดไป

“การพูดคุยกับประธานาธิบดีเมียนมาร์ไม่จำกัดแค่ผลประโยชน์ของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ต้องให้เกิดความเข้มแข็งควบคู่กัน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้อาเซียนเข้มแข็งในอนาคต เช่น การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ที่เกิดจากความร่วมมือไทยเมียนมาร์ที่มีความคืบหน้า หากไทย-เมียนมาร์สร้างความเชื่อมั่นจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พบกับคณะกรรมการบริหารสมาคมนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจไทยในเมียนมาร์จากสาขาต่างๆ จำนวน 50 คน อาทิ เกษตร ประมง โรงแรมและธนาคาร ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องการให้นักธุรกิจไทยที่มาลงทุนในต่างประเทศมีความเข็มแข็ง รวมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อให้ภาคธุรกิจประสบความสำเร็จ รัฐบาลให้ความสำคัญการส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะนักธุรกิจที่เข้ามาเปิดตลาดและลงทุนในเมียนมาร์ มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ รัฐบาลจึงได้เพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการให้เข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการตลาดและโอกาสในการลงทุนในต่างประเทศของภาคธุรกิจไทย ทั้งนี้ รับทราบเรื่องเกี่ยวกับการจัดตั้งสมาคมนักธุรกิจไทยในเมียนมาร์แล้ว และเห็นว่าเป็นเวทีที่เสริมสร้างศักยภาพนักธุรกิจไทยให้ประสบความสำเร็จ โดยขอให้ทุกฝ่ายทำงานเชิงรุกและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเป็นทีมประเทศไทยระหว่างภาครัฐและเอกชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีและคณะจะออกจากท่าอากาศยานนานาชาตินครย่างกุ้งถึงท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมืองเวลาประมาณ 16.30 น. - สำนักข่าวไทย