เอสซีจี เคมิคอลส์ ตั้งเป้าเป็นผู้นำปิโตรเคมีครบวงจรในอาเซียน

กทม. 8 พ.ย.- เอสซีจี เคมิคอลส์ รุกขยายการสร้างการลงทุนในภูมิภาค รองรับการเติบโตของอาเซียน ควบคู่การพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่ม ตั้งเป้าเป็นผู้นำพร้อมสร้างเครือข่ายปิโตรเคมีครบวงจรในอาเซียน    นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCG Chemicals)กล่าวว่า เพื่อรองรับการเติบโตของภูมิภาคอาเซียนที่มีประชากรประมาณ 600 ล้านคน หลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC เอสซีจี เคมิคอลส์จะเป็นกลุ่มแรกที่มีการขยายการลงทุนด้านปิโตรเคมีครอบคลุมเกือบทุกประเทศในอาเซียน ผ่าน 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การสร้างเครือข่ายปิโตรเคมีครบวงจรที่เชื่อมโยงในภูมิภาค (Regional Integration) และเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน (Synergy) ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่ม ด้วยการเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา โดยเอสซีจี เคมิคอลส์ เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของไทยและอาเซียนจะมีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว    “เอสซีจี เคมิคอลส์ดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ Regional Integration หรือการสร้างเครือข่ายการลงทุนปิโตรเคมีที่ครบวงจรและเชื่อมโยง คือ การบริหารทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน ตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ การผลิตและการบริหาร Supply Chain ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากการดำเนินงานดังกล่าว คาดว่ากลุ่มธุรกิจในเอสซีจี เคมิคอลส์จะเป็นกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในอาเซียน ภายในปี 2018” นายชลณัฐ กล่าว   สำหรับกลยุทธ์การพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่ม (HVA) เอสซีจี เคมิคอลส์ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2018 จะใช้งบฯ ด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ประมาณ 2,000 ล้านบาท มีเครือข่ายบุคลากรด้านวิจัยและพัฒนากว่า 400 คน เพื่อร่วมคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม ตั้งเป้ายอดขายสินค้า HVA เป็น 60 % ของยอดขายรวม    สำหรับนวัตกรรมสินค้าที่เอสซีจี เคมิคอลส์มุ่งพัฒนา แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สินค้าประเภท Petrochemical HVA ซึ่งเป็นสินค้าส่วนใหญ่ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ (Packaging) และคอมพาวด์ (Compound) อาทิ พลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ท่อสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างและสาธารณูปโภค พลาสติกที่ใช้ในวงการแพทย์และสาธารณสุข ส่วนสินค้าประเภท Non Petrochemical HVA การขายเทคโนโลยี สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Products) เช่น Emisspro (สารเคลือบเพื่อการอนุรักษ์พลังงานสำหรับเตาเผา) และสินค้าที่ใช้วัตถุดิบจากน้ำมันน้อย เช่น พีวีซี (PVC) .-สำนักข่าวไทย