นายกฯ พอใจเยือนอิตาลี สานร่วมมือเป็นพันธมิตรเจาะตลาดอาเซียน-เอเชีย
นครวาติกัน 12 ก.ย.-นายกรัฐมนตรีพอใจผลเยือนอิตาลี ทั้ง 2 ประเทศเห็นพ้องให้มีคณะกรรมการติดตามผลการหารือระหว่างผู้นำเกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว พร้อมร่วมมือในลักษณะพันธมิตรทั้งด้านการค้าการลงทุนในตลาดเอเชียและอาเซียน แฟชั่นและการทหาร ขณะที่ผู้นำอิตาลีตอบรับเยือนไทยกระชับสัมพันธ์
“อรรถพล เลิศล้ำ” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ซึ่งติดตามคณะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 24 และเยือนสมาพันธรัฐสวิส สาธารณรัฐอิตาลี นครรัฐวาติกัน และสาธารณรัฐมอนเตเนโกร อย่างเป็นทางการ ระหว่าวันที่ 8-15 กันยายน นี้ รายงานว่า นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สรุปการเยือนสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการ ว่า จากการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีอิตาลี ทั้ง 2 ประเทศเห็นตรงกันที่จะให้มีกลไกของคณะกรรมการติดตามการหารือเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด เบื้องต้นอิตาลีต้องการเห็นการเจรจาอียูเอฟทีเอเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 2557
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ส่วนความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นของ 2 ประเทศ ไทยมีวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ มีสินค้าเกษตรมาก มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีเอกลักษณ์และศักยภาพ จึงเห็นร่วมกันที่จะพัฒนาร่วมกันทางด้านอาหารและการตลาด โดยจะร่วมมือลักษณะเป็นพันธมิตรในการทำตลาดเอเชียร่วมกัน นอกจากนี้อิตาลีซึ่งมีจุดแข็งในงานด้านการออกแบบและแฟชั่นจะได้ใช้จุดแข็งดังกล่าวมาต่อยอดสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของไทยให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบและพัฒนาร่วมกัน
“เป็นการนำวัตถุดิบและเอกลักษณ์ของเรามาผสานกับเทคโนโลยีและดีไซน์ของอิตาลี เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เจาะตลาดอาเซียน สำหรับความร่วมมือและการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี เดิมเราเคยมีบันทึกความร่วมมือด้านเอสเอ็มอีระหว่างไทยกับอิตาลี แต่หมดอายุตั้งแต่ปี 2009 จึงได้ต่ออายุใหม่ เพื่อให้มีความร่วมมือกันต่อไป นอกจากนี้ไทยและอิตาลีจะมีความร่วมมือด้านกลาโหม โดยเฉพาะการฝึกซ้อมร่วมในการดูแลชายฝั่งและยุทโธปกรณ์ทางการทหารด้วย” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อิตาลีมองประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่ดี เป็นประตูสู่อาเซียนและเอเชีย รัฐบาลจึงได้เชิญนายกรัฐมนตรีอิตาลีมาเยือนประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีอิตาลีได้ตอบรับแล้ว สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐอิตาลีที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 145 ปี และจะครบ 150 ปี ในอีก 5 ปีข้างหน้า ควรมีการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ โดยให้มีกิจกรรมที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ ซึ่งกิจกรรมที่จะเริ่มต้นคืองานนิทรรศการเอ็กซ์โป ที่กรุงมิลานในปี 2557
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้ไปดูงานในห้างสรรพสินค้า (Eataly) ขายสินค้าเกษตรที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าเกษตรจากผู้ผลิตต้นทาง ทำให้ผู้บริโภคได้ของสดใหม่ มีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม โดยห้างดังกล่าวยังถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่เข้ามาหา นอกจากนี้ยังแบ่งแยกสินค้าเพื่อให้ผู้บริโภคเลือกสินค้า โดยแบ่งแยกสินค้าตามฤดูกาล ระยะทางการผลิตและขนส่ง ทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าสามารถเลือกบริโภคได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการ การออกแบบจัดวางสินค้ามีความเชื่อมโยงกันระหว่างสินค้าที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เช่น ผัก ผลไม้ ถูกจัดอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับร้านอาหารมังสวิรัติ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลสินค้า สถานที่ เวลาในการเพาะปลูก ทำให้สามารถสืบค้นไปยังแหล่งต้นกำเนิด.-สำนักข่าวไทย