แถลงการณ์ร่วม เรื่อง การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมศึกษาสัมพันธภาพแห่งดินแดนไทย-กัมพูชา (คสทก.) โดย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาทนายความ
โดยวิชาชีพของสื่อมวลชน ซึ่งมีหัวใจหลักในการทำความจริงให้ปรากฏ โดยที่ความจริงนั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “ความถูกต้อง” นำเสนอสาธารณชน เพื่อเป็นข้อมูล เป็นความรู้ และเป็นแนวทางของการนำไปประกอบเป็นนโยบาย เป็นยุทธศาสตร์ และแนวทางของการตัดสินดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไป และโดยที่สภาทนายความเป็นวิชาชีพในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะมีส่วนร่วมในการศึกษารวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลข้อเท็จจริงให้ถูกต้องและเป็นธรรม
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาทนายความ ได้มีการประชุมร่วมกัน เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2554 มีข้อเสนอโดยนำประเด็นเรื่องเขตชายแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน กลายเป็นประเด็นข้อขัดแย้งที่เริ่มยืดเยื้อยิ่งขึ้น และความขัดแย้งดังกล่าว นำมาซึ่งข้อโต้แย้งในมิติต่าง ๆ จนไม่อาจหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ ดังจะสังเกตได้จากการให้ข้อมูลและการให้สัมภาษณ์ของแต่ละฝ่าย ปรากฏข้อขัดแย้งที่โต้แย้งกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้สาธารณชนเกิดความไม่แน่ใจในความถูกต้องและความเป็นจริงของประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยที่ได้ตระหนักถึงพันธกิจขององค์กรวิชาชีพทั้งสอง สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและ สภาทนายความ จึงได้มีมติให้จัดตั้ง คณะกรรมการร่วมศึกษาสัมพันธภาพแห่งดินแดนไทย-กัมพูชา (คสทก.) ขึ้นมาคณะหนึ่ง เพื่อศึกษาประเด็นปัญหาเรื่องเขตแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา คณะกรรมการร่วมดังกล่าวนี้ ประกอบด้วยกรรมการจากสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและกรรมการจากสภาทนายความ ซึ่งจะร่วมกันทำงานเพื่อพยายามทำความจริงให้ปรากฏ และให้มีความถูกต้องชัดเจนยิ่งขึ้น
การทำงานของคณะกรรมการร่วมระหว่างสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาทนายความ จะเป็นการศึกษามิติต่าง ๆ ต่อประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความพยายามที่จะตัดสินความถูกผิดโดยตรง หากแต่ต้องการนำเสนอผลจากการศึกษาและข้อค้นพบของคณะกรรมการร่วมฯ ต่อสาธารณชนให้รับทราบอีกมิติหนึ่ง และจะต้องเป็นการตัดสินใจของสาธารณชนไทยต่อกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นเอง.
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
สภาทนายความ
17 มกราคม 2554
2 สภาวิชาชีพ ตั้ง คสทก.
ศึกษาปัญหาไทย-เขมร
ย้ำไม่ใช่การตัดสินถูกผิด
สภาการหนังสือพิมพ์จับมือสภาทนายความ ร่วมคลี่ปมปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งคณะกรรมการร่วมศึกษาสัมพันธภาพแห่งดินแดนไทย-กัมพูชา (คสทก.) กำหนดระยะเวลาศึกษาภายใน 3 เดือน ย้ำผลการศึกษาไม่ใช่การตัดสินถูกผิด แต่ผู้ตัดสินคือสาธารณชนคนไทยเท่านั้น
ที่สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 มกราคม 2554 คณะทำงานศึกษาปัญหาข้อขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา จากสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาทนายความ ได้มีการประชุมเป็นครั้งแรก ภายหลังการประชุมกว่า 4 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติจะแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งชื่อว่า คณะกรรมการร่วมศึกษาสัมพันธภาพแห่งดินแดนไทย-กัมพูชา (คสทก.) โดยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาทนายความ หรือ Joint Commission for the Study of Thai-Cambodian Border Relations (JCTCB) By the National Press Council of Thailand (NPCT) and the Lawyers Council of Thailand (LCT)
เพื่อทำการศึกษาในหัวข้อ “มิติเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา : ข้อเท็จจริงจากสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาทนายความ” ซึ่งจะแบ่งหัวข้อการศึกษาออกเป็น 5 ส่วน ประกอบด้วย บทที่ 1 ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ จะมีเนื้อหาอาทิ 1. สนธิสัญญาปักปันเขตแดน 2. เอกสาร-หลักฐานทางประวัติศาสตร์ 3. ข้อพิพาทในศาลโลกในคดีเขาพระวิหาร 4. กรณีสงครามกลางเมืองในกัมพูชา 5. ข้อโต้แย้งเรื่องเขตแดนรอบเขาพระวิหาร
บทที่ 2 ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์จากเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ศึกษาครอบคลุมเนื้อหา ดังนี้คือ 1. ผลจากสงครามกลางเมืองกัมพูชาต่อเขตแนวชายแดน 2. การแก้ปัญหาเขตชายแดนหลังสงคราม 3. คณะกรรมการชายแดนชุดต่างๆ 4. วิถีชีวิตประชาชนตามเขตแนวชายแดน 5. ประเด็นที่หลักเขตแดนที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้
บทที่ 3 ผลจากความไม่ชัดเจนของหลักเขตแดน ประกอบด้วยเนื้อหาด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้ 1. ผลกระทบด้านเศรษฐกิจและการค้าชายแดน 2. ผลกระทบต่อวิถีชีวิตประชาชนบริเวณชายแดน 3. กรณีการจับกุมคนไทย 7 คน 4. ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชากับแรงกดดันในแต่ละประเทศ 5. ปัญหาในภาพรวมต่อกลุ่มประเทศอาเซียน
บทที่ 4 ข้อเสนอเชิงนโยบายเขตชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีเนื้อหาในด้าน 1. ความสัมพันธ์ของประชาชนบริเวณชายแดน 2. ความสัมพันธ์เชิงเศรษฐกิจ 3. ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง 4. ความสัมพันธ์เชิงสังคมและวัฒนธรรม 5. ความสัมพันธ์เชิงบูรณาการและอธิปไตยแห่งดินแดน และ บทที่ 5 บทสรุปและข้อเสนอแนะการสร้างความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ระหว่างไทย-กัมพูชา บนหลักการของการบูรณาการเพื่อประสานประโยชน์ร่วมกัน
ทั้งนี้ที่ประชุมได้กำหนดระยะเวลาในการศึกษาโครงการดังกล่าว 3 เดือน โดยใช้งบประมาณของสภาการหนังสือพิมพ์ฯ และสภาทนายความในเบื้องต้น 3 ล้านบาท หลังจากนั้นจะสรุปผลการศึกษาเป็นเล่มเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชนได้รับทราบต่อไป.
อนึ่ง ที่ประชุมได้แสดงความห่วงใยกรณีการจับกุมคนไทย 7 คน ในข้อหารุกล้ำเขตแดนกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลกัมพูชา โดยเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน ขณะเดียวกันเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเจรจาทางการทูตเพื่อให้การช่วยเหลือ 7 คนไทยกลับสู่มาตุภูมิโดยเร็ว.