สาส์นจากประธานสภา นสพ.
สาส์นจากประธานสภา นสพ.
สื่อท่ามกลางความท้าทาย
ผมและคณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติชุดนี้ ทำงานกันมา 10 เดือนแล้ว ด้วยกำลังใจ และการสนับสนุนจากองค์กรสมาชิก ทำให้การริเริ่มและความมุ่งมั่นที่จะทำงาน เพื่อสมาชิกในหลายเรื่อง ประสบความสำเร็จพอสมควร ในรอบปีที่ผ่านมา เราได้จัดงานใหญ่ “จริยธรรมสื่อในยุคหลอมรวม” ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ร่วมกับองค์กรพันธมิตร จัดการประชุมวิชาการ-วิชาชีพ “วารสารศาสตร์แห่งอนาคต” ได้ทำงานตามที่ตั้งใจไว้ในการระดมความเห็น จัดสัมมนาทิศทางการทำงานของสภาการหนังสือพิมพ์ฯ เมื่อช่วงต้นปี และสุดท้ายได้ร่วมกับสภาการหนังสือพิมพ์อินโดนีเซีย ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านต่างๆ รวมทั้งการจัดตั้งสภาการหนังสือพิมพ์อาเซียน
ท่ามกลางบริบทของสังคม ที่สื่อมีความแปลกแยกแตกต่างทางความคิดสูงกว่ายุคสมัยใด ความเข้าใจในมาตรฐานการปฏิบัติ การยอมรับการกำกับดูแลเรื่องจริยธรรมภายใต้สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แต่ถึงกระนั้น องค์กรสมาชิกหลักๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ก็ยังตระหนักถึงภารกิจร่วมกัน ในการธำรงรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานการเป็นสื่อมวลชนที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อความเชื่อถือในองค์กรสื่อ โดยเฉพาะองค์กรสมาชิกภายใต้สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ที่สังคมส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นด้วยหลักการ “ดูแลควบคุมกันเอง” การยอมรับและร่วมแรงร่วมใจกันขององค์กรสมาชิกในเรื่องเหล่านี้ คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง หาไม่แล้วเราก็อาจจะเผชิญวิกฤติศรัทธาที่หนักหน่วงยิ่ง
ในส่วนของสมาชิก นอกจากข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ส่งให้ในรูปของจุลสารราชดำเนิน รายการวิทยุ “รู้ทันสื่อกับสภาการหนังสือพิมพ์” ทางคลื่นข่าว เอฟเอ็ม 100.5 อสมท ทุกบ่ายวันเสาร์แล้ว ผมยังตระหนักถึงปัญหาข้อขัดข้องในการทำงานขององค์กรสมาชิก เช่น การจดแจ้งการพิมพ์ การเปลี่ยนรายการจดแจ้งการพิมพ์ ที่ต้องไปดำเนินการ ณ สำนักงานศิลปากรเขต กรณีขององค์กรสมาชิกต่างจังหวัด ขณะนี้ได้เจรจากับกระทรวงวัฒนธรรมจนได้ข้อยุติแล้วว่า การจดแจ้งการพิมพ์สามารถไปจดแจ้งกับวัฒนธรรมจังหวัดได้ เรื่องอยู่ในขั้นตอนการร่างกฎกระทรวง แต่ในระหว่างนี้สมาชิกสามารถจดแจ้งออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของกรมศิลปากรได้ที่ www.nlt.go.th ซึ่งได้กำชับกับเจ้าหน้าที่แล้วในการดำเนินการอย่างรวดเร็ว ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
อีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นความเดือดร้อนของสมาชิก คือกรณีที่ถูกฟ้องคดีหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อถูกฟ้องคดีย่อมมีภาระอย่างน้อย 2 ประการ คือ 1.การประกันตัวในระหว่างดำเนินคดีในศาล 2.การว่าจ้างทนายความ หรือที่ปรึกษากฎหมายในการต่อสู้คดี ประการแรกนั้น ผมกำลังพยายามติดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เราสามารถใช้หนังสือรับรองของสภาการหนังสือพิมพ์ฯ เป็นหลักประกันได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาดำเนินการ ส่วนประการที่สอง ผมได้เจรจากับท่านสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ เพื่อขอรับความช่วยเหลือโดยไม่มีค่าใช้จ่าย คาดว่าจะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในราวปลายเดือนมกราคมปีหน้า หวังว่าความร่วมมือกับสภาทนายความครั้งนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนขององค์กรสมาชิกได้บ้าง
ผมและคณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำงานเพื่อยืนยันหลักการการเป็นสื่อมวลชนที่ดี และการเป็นหลักประกันความเชื่อถือขององค์กรสมาชิกทั้งหลาย ในปีหน้าและปีต่อๆไป เรายังมีภารกิจอีกมากมายที่จะร่วมกันทำงาน ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เราจะจัดงาน”จริยธรรมสื่อยุคหลอมรวม” ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ที่สภาการหนังสือพิมพ์ฯ จะไปปักธงในต่างจังหวัด จากนั้นอาจขยายกิจกรรมเช่นนี้ไปยังภูมิภาคต่างๆ เพราะสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เป็นขององค์กรสมาชิกทั้งประเทศ มิใช่สภาของหนังสือพิมพ์ในกรุงเทพ หรือในเมืองใหญ่เท่านั้น
ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือและกำลังใจ ผมหวังว่าในปีหน้า และปีต่อๆไป เราจะได้ร่วมกันทำงานเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสื่อทั้งระบบ ให้เป็นที่เชื่อถือและไว้วางใจของสังคมตลอดไป
ด้วยจิตคารวะ
จักร์กฤษ เพิ่มพูล
ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ