กลุ่ม ปตท.สยายการลงทุนอาเซียน

กรุงเทพฯ 15 พ.ค.- กลุ่ม ปตท.เร่งเพิ่มการลงทุนในอาเซียนทั้ง อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ทั้ง โรงกลั่นฯ ปิโตรเคมี และปั๊มน้ำมัน โดยโครงการในเวียดนามคาดศึกษาเสร็จสิ้นภายใน 1 ปี

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท.มองลู่ทางการลงทุนในอาเซียนเป็นการขยายกิจการรองรับประชาคมอาเซียน หรือเออีซี ในปลายปี 2558 โดยในส่วนของการร่วมทุนสร้างโรงกลั่นและปิโตรเคมีครบวงจร ในจังหวัดบินห์ดินห์ของเวียดนาม ซึ่งล่าสุดรัฐบาลเวียดนามได้เห็นชอบ ทางกลุ่ม ปตท.จะมีการศึกษาแผนลงทุนและการร่วมทุนทั้งหมดภายใน 1 ปี และเสนอแผนที่ชัดเจนต่อรัฐบาลเวียดนามอีกครั้ง ซึ่งโครงการนี้ นับเป็นการร่วมลงทุนของชาติอาเซียน และเชื่อมโยงส่งออกไปในภูมิภาคนี้ โดยในส่วนของโรงกลั่นนั้นจะส่งออกน้ำมันไปยังนิคมอุตสาหกรรมทวายของเมียนมาร์ และส่งออกไปยังเมืองเชนไนของอินเดีย โดยโครงการนี้นับเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ทางกลุ่ม ปตท.จะหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงกลั่นน้ำมันคาดว่าจะมีขนาดไม่ต่ำกว่า 6 แสนบาร์เรลต่อวันและปิโตรเคมีต่อเนื่องจากมีกำลังผลิตโอเลฟินส์ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน โดยทางเวียดนามระบุว่า น้ำมันดิบที่จะนำเข้ามาผลิตในโรงกลั่นน้ำมันแห่งนี้ จะนำเข้ามาจากตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาใต้ ภายใต้ข้อตกลงร่วมทุนทาง ปตท. จะสนับสนุนเงินลงทุนในโครงการนี้ 60% ของการลงทุนทั้งหมด และเงินลงทุนส่วนที่เหลือจะมาจากนักลงทุนภายในประเทศ และต่างประเทศ

ด้านนายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอล กล่าวว่า โครงการร่วมทุนโรงงานปิโตรเคมีครบวงจรในอินโดนีเซีย คาดว่าในส่วนของกำลังผลิตโอเลฟินส์จะไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน และเนื่องจากเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ที่มีเม็ดเงินลงทุน 4-5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ พีทีทีจีซี มีสัดส่วนร่วมทุนร้อยละ 49 ดังนั้น ทาง พีทีทีจีซี จะหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีปิโตรเคมีเข้ามาร่วมทุนคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเร็วๆ นี้ ส่วนโครงการร่วมลงทุนผลิตปิโตรเคมีขั้นกลาง โรงงานโพรไพลีนออกไซด์ในมาเลเซีย โดยร่วมทุน กับปิโตรนาส และอิโตชู ซึ่งพีทีจีซีถือหุ้นร้อยละ 25 วงเงินลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการมีความคืบหน้า คาดจะเริ่มผลิตได้ภายในปี 2559

ด้านนายสรัญ รังคศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท.กล่าวว่า ในส่วนของปั๊มในอาเซียน ปตท.ได้ขยายการเปิดทั้งลาว กัมพูชา และล่าสุดเมียนมาร์ โดยทุกแห่งจะไปในลักษณ์สถานีบริการครบวงจรที่มีทั้งจำหน่ายน้ำมัน บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันและกาแฟอเมซอน  โดยในส่วนของเมียนมาร์จะเริ่มเปิดให้บริการ 2 ปั๊มแรกในย่างกุ้ง ปี 2557 คาดจะมียอดขายต่อปั๊ม 5 แสนลิตรต่อเดือน ซึ่งในขณะนี้ยอดใช้น้ำมันในพม่ากำลังเติบโตสูงมากหลังเปิดประเทศ แต่ยังมีปริมาณต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับไทย โดยมียอดใช้ 7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ปตท.ยังขยายการลงทุนด้านน้ำมันหล่อลื่น และเสนอต่อรัฐบาลเมียนมาร์ว่าพร้อมช่วยปรับปรุงโรงกลั่นฯ ของเมียนมาร์ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ซึ่งโรงกลั่นฯ ของเมียนมาร์มีกำลังกลั่น 2-3 หมื่นบาร์เรลต่อวัน

ล่าสุด ปตท.ได้เปิดตัว “FitStatin Mobile Service” เป็นบริการถ่ายเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นนอกสถานที่ ด้วยรถเคลื่อนที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนอะไหล่เบา และตรวจเช็กสภาพรถยนต์ 12 รายการ ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมใหม่ โดยรถออกแบบพิเศษให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรวดเร็ว และสามารถจ่ายไฟฟ้าซึ่งมาจาก 3 ระบบ คือ พลังงานแสงอาทิตย์ แบตเตอรี่รถยนต์ และไฟฟ้ากระแสสลับจากอาคาร ทำให้เลือกใช้พลังงานทดแทนให้เหมาะสมกับพื้นที่. -สำนักข่าวไทย

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ mcot.net ดูทั้งหมด

360

views
Credit : mcot.net


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน