ไทยติดอันดับแม่วัยใสสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน
สำนักข่าวไทย 11 ก.พ.-สาธารณสุข เผยอัตราคลอดแม่วัยใสไทยสูงอันดับ 2 ของอาเซียน ส่งผลต่อสุขภาพกาย-จิตของแม่ ไอคิวลูก และยังพบวัยรุ่นไทย ติดเชื้อ “หนองใน-หูดหงอนไก่” สูงอันดับ 1 เสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี สูงกว่าวัยทั่วไป 3-9 เท่า
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายโรจนะ กฤษเจริญ รองเลขาธิการสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ แถลงข่าว มหกรรมวาเลนไทน์ “วัยรุ่นไทยฉลาดรัก รู้จักป้องกันปัญหาทางเพศ หรือเลิฟ เซย์ เพลย์ (Love Say Play)” โดย นพ.วชิระ กล่าวว่าปัจจุบันปัญหาจากเรื่องเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรและมีแบบไม่ปลอดภัยในวัยรุ่นไทยรุนแรงขึ้น ปัญหาที่สะท้อนชัดเจน 2 เรื่องหลักคืออัตราการคลอดของแม่วัยใสอยู่ที่ 54 คนต่อการคลอด 1,000 คน สูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนซึ่งการที่แม่อายุน้อยจะส่งผลต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิตของแม่ และระดับสติปัญญาหรือไอคิวของลูก ซึ่งมาจากปัญหาการใส่ใจเลี้ยงดู และ2. การป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้นทุกปี มีสัดส่วนสูงกว่าวัยอื่นๆ ตั้งแต่โรคไม่รุนแรง คือหนองใน (Gonorrhoea) ติดมากถึงร้อยละ 54 ปีละกว่า 6,000 คน และหูดหงอนไก่ (Condyloma) ติดร้อยละ 48 ปีละประมาณ 2,400 คน สูงเป็นอันดับ 1 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ส่วนโรครุนแรง คือเอชไอวี เอดส์ ซึ่งพบว่ากลุ่มผู้ป่วยโรคเอดส์ ขณะนี้ร้อยละ 85 อายุ 15-45 ปี ซึ่งแสดงว่าติดเชื้อมาตั้งแต่วัยรุ่น เฉลี่ยอาการจะปรากฏหลังติดเชื้อประมาณ 8 ปี จากข้อมูลทางวิชาการ พบวัยรุ่นเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีสูงกว่าคนปกติ 3-9 เท่า โดยมีอัตราใช้ถุงยางอนามัยต่ำไม่ถึงร้อยละ 50
นพ.วชิระ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการแก้ไขและป้องกันปัญหา กระทรวงสาธารณสุขใช้ยุทธศาสตร์บูรณาการงานร่วมระหว่างหน่วยงานในสังกัดคือกรมอนามัย กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิต รวมทั้งกระทรวงศึกษาฯและภาคีเครือข่ายรัฐและเอกชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับวัยรุ่น ร่วมกันสร้างช่องทางให้วัยรุ่นอายุ 12-24 ปีซึ่งมีประมาณ 10 ล้านคนทั้งในระบบโรงเรียนและนอกโรงเรียน เข้าถึงบริการ ทั้งภายหลังมีปัญหาและการป้องกันการเกิดปัญหาทั้งตั้งครรภ์และติดเชื้อ โดยเปิดบริการคลินิกสุขภาพและให้คำปรึกษาสำหรับวัยรุ่น (Youth clinic &Psychosocial clinic) ใน รพ.ชุมชน 835 แห่ง ทำงานเชื่อมโยงกับโรงเรียนระดับอำเภอ–จังหวัดดูแลช่วยเหลือนักเรียน 1 โรงเรียน 1 รพ.และให้บริการแบบมิตร แบบเพื่อน บูรณาการงานของกรมต่าง ๆ ร่วมดูแลแก้ไข
นอกจากนี้กรมสุขภาพจิตยังจัดทำแอพลิเคชั่นชื่อว่าเลิฟ เซย์ เพลย์(Love Say Play) เพื่อเพิ่มทักษะเรื่องความรักกับการให้ความรู้เรื่องเพศที่ถูกต้อง ประกอบด้วยสาระ สำคัญ 4 เรื่อง 1.ความแตกต่างระหว่างเพศธรรมชาติของวัยรุ่นและการปรับตัว 2.ความรักของหญิงชายและความสัมพันธ์ในเชิงบวก 3.เพศศึกษาและการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และ 4.ทักษะชีวิตและทางออกเมื่อเผชิญปัญหา ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาคาดว่าอีก 2 เดือนจะสมบูรณ์แบบ และสามารถดาวน์โหลดผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และ ไอแพด
ด้านนายโรจนะ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาฯ เน้นให้นักเรียนรู้จักรักตัวเอง รักผู้อื่นและเห็นคุณค่าความรักภายใต้แนวคิด “รู้จัก รู้ใจและให้ความรัก” รู้จักคือ สถานศึกษาต้องมีระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สร้างความมั่นใจว่าครูสามารถสามารถช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึง ทันเวลาและถูกวิธี รู้ใจ คือรู้ว่าเด็กวัยนี้อยากรู้อยากลอง จึงเร่งรัดพัฒนาการจัดการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษา (Sexuality Education) บรรจุในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา รวมทั้งการเร่งรัดการเสริมสร้างทักษะชีวิต (Lifeskills Education) ให้รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่นและรู้จักคิดวิเคราะห์ตัดสินใจอย่างสร้างสรรค์ ให้ความรัก คือการเน้นให้ครูบริหารจัดการชั้นเรียนโดยใช้วินัยเชิงบวก (Positive Discipline) เน้นการสร้างพื้นฐานการคิดแบบรักรับผิดชอบ ให้เข้าใจระดับของพัฒนาการความรักจาก กิ๊ก แฟน คู่รัก จนถึงคู่ชีวิต .- สำนักข่าวไทย