“สมเด็จพระเทพฯ” เสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ และเสด็จพระราชดำเนินปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน
วานนี้(20ม.ค.2557) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับเครื่องบินพระที่นั่งของบริษัท การบินไทย จำกัด มหาชนเที่ยวบินที่ ทีจี 410 เสด็จพระราชดำเนินจากท่าอากาศยานนานาชาติชางงี สาธารณรัฐสิงคโปร์ ถึงยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ โดยมี คณะรัฐมนตรีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ แม่บ้านเหล่าทัพ ผู้แทนสภากาชาดไทย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และลูกเสือชาวบ้าน เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ เป็นการเสร็จสิ้นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 18-19 มกราคม 2557 ซึ่งโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยจะได้นำเสนอพระราชกรณียิจที่ทรงปฏิบัติในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ในวันต่อไป
เสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารนิทรรศการ 2 อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทรงเปิดการประชุมวิชาการการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริฯซึ่งสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ กศน., สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และโรงเรียนพระปริยัติธรรม ร่วมกับสำนักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจัดขึ้น เพื่อให้ครูและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ทรงงานและพื้นที่สูง มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน เพื่อสร้างองค์ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ มีการนำเสนอผลงานวิชาการดีเด่นทั้ง 5 ด้าน ตามโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารฯ ได้แก่ ด้านโภชนาการและสุขภาพอนามัย, ด้านการศึกษา, ด้านการส่งเสริมอาชีพ, ด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น และด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โอกาสนี้ ทอดพระเนตรการนำเสนอผลงานการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริฯ จากจังหวัดแม่ฮ่องสอน, น่าน , แพร่ และกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 จำนวน 4 เรื่อง อาทิ “ป่าต้นน้ำ นำแสงสว่าง สร้างความรู้สู่ชุมชน” ของศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา แม่ฟ้าหลวง บ้านดึ๊ จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยครูและชาวบ้านร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและมีข้อตกลงร่วมกัน กำหนดเขตพื้นที่ทำกิน และพื้นที่ป่าต้นน้ำเพื่อการอนุรักษ์ โดยชาวบ้าน 5 ครัวเรือน จาก 8 ครัวเรือนได้ย้ายที่ทำกินจากพื้นที่ป่าต้นน้ำไปยังพื้นที่ที่กำหนด, “โครงการโรงเรียนอ่านออกเขียนได้” ของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 เพื่อแก้ปัญหาการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ของนักเรียนโรงเรียนตชด. ผ่านบันไดทักษะ 4 ขั้น คือ แจกลูกให้ผูกจำ, อ่านคำย้ำวิถี,คัดลายมือซ้ำอีกที และเขียนคำบอกทุกชั่วโมง ส่งผลให้มีนักเรียนอ่านออกเขียนได้เพิ่มขึ้นจาก 76 คน เป็น 191 คน
จากนั้น ทอดพระเนตรการแสดงเทิดพระเกียรติจากนักเรียนชนเผ่าและนิทรรศการภายใต้แนวคิด “พระบารมีปกเกล้าชาวดอย” ซึ่งเป็นนิทรรศการเทิดพระเกียรติ นิทรรศการแนวปฏิบัติที่ดีทั้ง 5 ด้าน นำเสนอผลงานวิชาการ, ผลิตภัณฑ์จากการเรียนการสอน, การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และวัฒนธรรมท้องถิ่น อาทิ โครงการอนุรักษ์ข้าวก่ำปลอดสารเคมี, กิจกรรมด้านสุขภาพ โยเกิร์ตเพื่อสุขภาพ และมหัศจรรย์ข้าวโพดเสริมโภชนาการ รวมถึงการศึกษานอกระบบบนพื้นที่สูงของ กศน. และหน่วยงานภาคีเครือข่าย 14 จังหวัด มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2 พันคน โดยจะจัดไปจนถึงวันที่ 22 มกราคมนี้
เวลา 13.35 น.เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดลำพูน ตำบลบ้านต้นธง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน สังกัดสำนักงานบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจัดการศึกษานอกระบบ หรือตามอัธยาศัยแก่เด็กพิการตั้งแต่แรกเกิดหรือ แรกพบความพิการจนตลอดชีวิต และจัดการศึกษาอบรมดูแลคนพิการ ครู บุคลากรตลอดจนชุมชน ในพื้นที่จังหวัดลำพูน รวมทั้งสนับสนุนการจัดการเรียนร่วมและประสานการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการในจังหวัด ให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการโดยครอบครัวและชุมชน ด้วยกระบวนการทางการศึกษา และเป็นศูนย์ข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาสำหรับคนพิการ
โอกาสนี้ ทอดพระเนตรกิจกรรมการเรียนการสอน การศึกษาเพื่อการเยียวยาตามแนวมนุษยปรัชญา ซึ่งเป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กพิเศษโดยใช้ศิลปะในการบำบัด เช่น งานปั้น งานวาด งานสีน้ำและงานผ้า นอกจากนี้ ยังมีการใช้ดนตรีบำบัด และกิจกรรมการเคลื่อนไหวเพื่อการศึกษา หรือ จิตตลีลา ซึ่งเป็นกระบวนการในการช่วยกระตุ้นให้เด็กรู้สึกตัวและมีคุณค่าในตัวเอง เพื่อจะสามารถดำเนินชีวิตและอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้อย่างปกติสุข ปัจจุบันมีเด็กที่พบความพิการตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 21 ปี ในพื้นที่จังหวัดลำพูน อยู่ในความดูแล 144 คน
จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ 48พรรษา ตำบลต้นธง ซึ่งเป็นโรงเรียนประเภทสงเคราะห์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย รับหญิงล้วนแบบประจำกิน-นอน เป็นเด็กหญิงกำพร้า ขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู และเด็กด้อยโอกาสจากทั่วประเทศ เปิดสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 มีนักเรียน 318 คน
โอกาสนี้ ทรงเปิดอาคารโรงฝึกอาชีพศิลป์สิริ ซึ่งมูลนิธิร่วมใจต้านภัยเอดส์ และผู้มีจิตศรัทธา จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นโรงฝึกอาชีพแก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6ที่ไม่ได้ศึกษาต่อ ให้มีอาชีพ สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ โดยจัดฝึกอบรมอาชีพต่างๆ เช่น งานปั้น และเซรามิค ทอผ้าไหม ผ้ายกดอกลำพูน ซึ่งเป็นผ้าไหมที่มีลวดลายสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด งานฝืมือ เช่น การร้อยมาลัย การทำพานพุ่มพานขันหมาก และของชำร่วยในงานพิธีต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีการผลิตน้ำดื่มเพื่อการบริโภคและจำหน่าย รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะนำไปเป็นกองทุนเพื่อการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยของนักเรียน ต่อไป
นอกจากการเรียนด้านวิชาชีพแล้ว ยังส่งเสริมด้านวิชาการ จัดสอนภาษาจีนและอังกฤษ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน รวมทั้งมีศูนย์เรียนรู้ประวัติศาสตร์เมืองลำพูน สร้างจิตสำนึกในถิ่นฐานบ้านเกิด ตลอดจนด้านเกษตรกรรมเพื่อให้ได้เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริอย่างครบวงจร
โอกาสนี้ ทรงโยนกล้าพันธุ์ข้าวเหนียวสันป่าตอง 1 ในแปลงนาข้าวของโรงเรียนฯ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพันธุ์ข้าวเหนียวที่ให้ผลผลิตสูง มีคุณภาพดี โดยผลผลิตที่ได้จะนำไปบริโภคในโรงเรียนฯ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงหมูทำก๊าซชีวภาพจากขยะมูลฝอยและมูลสัตว์
- องค์กรสิทธิฯประสานเสียงร้องให้ปล่อยตัว14นักศึกษา หลังถูกขังเรือนจำ กลุ่มปชต.ใหม่แถลงสู้ต่อ
- “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” ทรงเป็นประธาน ในพิธีไหว้ครูและพระราชทานเหรียญรางวัลการศึกษาแก่นักเรียนนายร้อยประจำปีการศึกษา
- “รมว.พลังงาน” จ่อขยับภาษีแอลพีจีภาคขนส่ง
- สหรัฐพร้อมช่วยชาติในอาเซียนรับภาระผู้อพยพ
- “ททท.”ชี้คนจีนแห่เที่ยวไทย-คาดปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6ล้านคน