'ชาลูกนาคพรต'โอท็อป5ดาว-รุกตลาดอาเซียน
'ชาลูกนาคพรต'โอท็อป5ดาว-รุกตลาดอาเซียน
ทำมาหากิน : 'ชาลูกนาคพรต' โอท็อป 5 ดาว สมุนไพรใหม่-รุกตลาดอาเซียน : โดย...ศุภชัย วิเศษสรรค์
ด้วยความมุ่งมั่นบวกความชื่นชอบสมุนไพรเป็นชีวิตจิตใจ เป็นแรงผลักให้ "นายเทพสถิตย์ เซ้ง ฤาษีทรงอาทิตย์" จากพ่อค้าสมุนไพรพื้นบ้านธรรมดาๆ กลายเป็นผู้จัดการห้างฤาษีทรงอาทิตย์ ที่มียอดขายกว่า 6 ล้านบาทต่อปี หลังลองผิดลองถูกค้นคว้าผลิตภัณฑ์สมุนไพรนานเกือบ 20 ปี กระทั่งพบ "ชาลูกนาคพรต" สมุนไพรชนิดใหม่ที่คนไทยไม่คุ้นเคยพัฒนาจนเป็นสินค้ามีชื่อของเชียงใหม่ โดยมีรางวัลโอท็อประดับ 5 ดาว ปี 2556 การันตี ทำให้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย
"เทพสถิตย์" บอกว่า เมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นเพียงพ่อค้าสมุนไพร ค้าขายสินค้าจำพวกม้ากระทืบโรง กำลังเสือโคร่ง สมุนไพรดองยาต่างๆ รวมถึงลูกประคบสมุนไพร แต่การค้าขายไม่ดีเท่าที่ควร ประกอบกับช่วงปี 2540 เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทำให้ต้องคิดหาสินค้าใหม่ๆ มาจำหน่ายเพื่อให้กิจการอยู่รอดต่อไป และด้วยความหวังว่าจะพัฒนาสร้างแบรนด์สินค้าของตนเองให้ได้ กระทั่งได้พบ "ชาลูกนาคพรต" ซึ่งเป็นเมล็ดพืชมีอยู่ทั่วไปแถวภาคเหนือ จึงนำมาทดลองคิดค้นแปรรูปจนสำเร็จเมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยมีโรงงานผลิตอยูที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ ชาลูกนาคพรตมีสรรพคุณมากมาย เช่น มีเส้นใยอาหารมาก ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันและไขมัน แก้ปัญหาโรคอ้วน บรรเทาอาการโรคไต แก้เหน็บชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้าและนิ้วล็อก บรรเทาโรคเกาต์ ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดหลัง และช่วยระบาย โดยได้รับการรับรองจากสมาคมแพทย์แผนไทย และได้สร้างผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ "ฤาษีทรงอาทิตย์" ผลิตและจัดจำหน่ายชาลูกนาคพรตเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย
"แบรนด์เรามีสินค้าหลากหลาย ทั้งชาอัพเดท ชาอยากผอม ชาลูกนาคพรต สเปรย์คลายเส้นลูกนาคพรต น้ำมันขิงสกัด และยาหม่อง โดยปีนี้จะผลิตกาแฟจำหน่าย ส่วนที่ได้รับความนิยมสูง คือชาลูกนาคพรต ที่มีสรรพคุณเห็นผลภายใน 3 สัปดาห์ ที่รสชาติไม่ขม ไม่ฝาด หอมอร่อย และสเปรย์คลายเส้นลูกนาคพรต ที่บรรเทาปวดเมื่อย ผื่นคัน แมลงสัตว์กัดต่อย ใช้ได้ทั้งเด็กผู้ใหญ่ ไม่มีผลข้างเคียง"
ที่ผ่านมา "เทพสถิตย์" บอกว่าพบเจอปัญหามากมาย โดยเฉพาะสินค้าไม่เป็นที่รู้จัก จึงต้องใช้งบกว่า 4 หมื่นบาทต่อเดือน ประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุชุมชนกว่า 30 สถานีทั่วประเทศ แต่ปรากฏยอดขายไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก จึงหันเปิดเว็บไซต์จำหน่ายทางออนไลน์ และจำหน่ายที่ทำการไปรษณีย์ทั่วเชียงใหม่ ปรากฏว่ายอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายกว่า 100 รายทั่วประเทศ ทำให้ยอดขายปัจจุบันมีรายได้เดือนละกว่า 5 แสนบาท
"อุปสรรคที่เผชิญอยู่และต้องเร่งแก้ไข คือ ยังไม่ได้รับอนุญาตเครื่องหมาย อย.จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เนื่องจากชาลูกนาคพรตเป็นสินค้าตัวใหม่ รายแรกรายเดียวของไทยและของโลก จึงขาดข้อมูลทางโภชนาการ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมข้อมูลเสนอขอเครื่องหมาย อย. ซึ่ง ม.เชียงใหม่ และม.แม่โจ้ มาช่วยสนับสนุนทำเรื่องรับรองสินค้า คาดจะได้รับเครื่องหมาย อย.ภายในปีนี้ รวมถึงจะเสนอขอเครื่องหมายฮาลาลให้ได้ก่อนปี 2558 เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าชาวมุสลิมอาเซียน" เทพสถิตย์ กล่าว
นอกจากเสนอขอเครื่องหมาย อย.และเครื่องหมายฮาลาลเพื่อเตรียมพร้อมบุกตลาดอาเซียนแล้ว ยังไปเปิดบูธแสดงสินค้าต่างประเทศทั้งญี่ปุ่น ลาว กัมพูชา โดยล่าสุดที่เชียงตุง ประเทศพม่า ซึ่งนำสินค้าไปไม่มากเนื่องจากเป็นการทดลองตลาด แต่ปรากฏว่าชาลูกนาคพรตกลับขายดีเกินคาด เพียงแค่ 2 วันขายสินค้าหมดอย่างเหลือเชื่อรวมยอดรายได้ 2 วันกว่า 2 แสนบาท
"ตลาดหลักอยู่ภายในประเทศร้อยละ 80 ตลาดต่างประเทศร้อยละ 20 โดยมีตลาดที่จีน พม่า ลาว กัมพูชา ญี่ปุ่น และแอฟริกา โดยเฉพาะประเทศกานา ซึ่งอนาคตมองว่าหากมีความพร้อมในเรื่องของ อย. เครื่องหมายฮาลาล และมีโอกาสไปเปิดบูธแสดงสินค้ายังต่างประเทศบ่อยครั้งจะทำให้ขยายตลาดได้มากขึ้น"
โดยจุดเด่นของชาลูกนาคพรต นอกจากสรรพคุณที่มากมายแล้ว ยังเป็นสินค้าสมุนไพรธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช้สารเคมี อีกทั้งกระบวนการผลิตจะทำการคัดสรรเก็บลูกชาที่สมบูรณ์ที่สุด ผ่านกรรมวิธีทำความสะอาดในทุกขั้นตอน ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยเครื่องอบด้วยอุณหภูมิ 300-400 องศาเซลเซียส และคัดสรรเมล็ดชาอีกครั้งหนึ่งเพื่อความสมบูรณ์ ก่อนนำไปแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ต่อไป ซึ่งปลายเดือนมกราคมนี้ จะนำเข้าเครื่องบรรจุภัณฑ์สินค้าจากญี่ปุ่น ซึ่งจะช่วยให้รับออเดอร์ได้มากขึ้นและสามารถทดแทนแรงงานคนได้ถึง 10 คนต่อวัน
อย่างไรก็ตาม นับว่าสินค้าสมุนไพรชาลูกนาคพรตแบรนด์ "ฤาษีทรงอาทิตย์" เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จ และเตรียมพร้อมสู่ตลาดต่างประเทศ หากท่านใดสนใจสอบถามได้ที่โทร.08-2888-1616, 08-9183-6889 หรือเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ www.ruesrisongartit.com
-------------------------
(ทำมาหากิน : 'ชาลูกนาคพรต' โอท็อป 5 ดาว สมุนไพรใหม่-รุกตลาดอาเซียน : โดย...ศุภชัย วิเศษสรรค์)