ปั้นอุตฯอาหารไทยสู้ศึกเออีซี
ปั้นอุตฯอาหารไทยสู้ศึกเออีซี
เปิดหูเปิดตาอาเซียน : ปั้นอุตฯอาหารไทยสู้ศึกเออีซี ชี้ตลาดในบ้านใหญ่ขึ้น-แข่งขันรุนแรง
แม้อุตสาหกรรมอาหารของไทยจะถือได้ว่ามีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง แต่การเตรียมพร้อมเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากต้องรับมือกับตลาดในประเทศที่จะมีการขยายตัวสูงและเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
นายเพ็ชร ชินบุตร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมอาหารของไทยควรเร่งเตรียมความพร้อมเพื่อช่วงชิงโอกาสจากการเข้าสู่เออีซีในปี 2558 เพราะจะเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมอาหารของไทยใน 2 ประเด็นใหญ่ๆ คือ 1.อุตสาหกรรมอาหารภายในประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นและมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น จากการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ ทั้งนักลงทุนในและนอกภูมิภาคอาเซียน
ส่วนประเด็นที่ 2 คือ อุตสาหกรรมอาหารไทยที่มีศักยภาพ จะขยายการค้าการลงทุนไปสู่ประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้น เพื่อเข้าถึงตลาด แหล่งวัตถุดิบ แรงงานต้นทุนต่ำ รวมทั้งสิทธิพิเศษทางภาษี (GSP) ในกรณีที่ไทยไปลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV อันประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ซึ่งกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้รับจากประเทศพัฒนาอย่างสหรัฐ รวมถึงยุโรปอีกด้วย
ดังนั้น อุตสาหกรรมอาหารไทยจึงควรมีความพร้อมในด้านข้อมูล โดยการพัฒนาองค์ความรู้ในกลุ่มประเทศอาเซียน การเพิ่มผลิตภาพและลดต้นทุนการผลิต เช่น การส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียวเพื่อลดต้นทุนการผลิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พิจารณาย้ายฐานการผลิตไปประเทศในอาเซียนในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงวัตถุดิบและแรงงานต้นทุนต่ำ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า หลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคากับประเทศที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า การพัฒนาการตลาด เพื่อแสวงหาลู่ทางขยายตลาด เช่น การจับคู่ธุรกิจ สร้างเครือข่าย/พันธมิตรทางธุรกิจ สร้างตราสินค้าและขยายตราสินค้าไทยออกสู่อาเซียนโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV
สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของสถาบันอาหารนั้น ยังคงเดินหน้า 3 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เป็นครัวอาหารคุณภาพของโลก (Thailand Food Quality to the World), โครงการส่งเสริมมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่อุตสาหกรรมอาหารของไทย (Thailand Food Forward) และ 3.โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล เพื่อตอบโจทย์พัฒนาภาคอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เป็น “ครัวคุณภาพของโลก” ภายใต้นโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก”
“ปัจจุบันสถาบันอาหารพยายามยกระดับภารกิจในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เป็นครัวอาหารคุณภาพของโลกด้วยการให้บริการแบบ One Stop Services แก่ผู้ประกอบการ ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมอาหารทุกภาคส่วนให้สามารถเข้าถึงการบริการได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิต การบริการ การวิจัย การค้า การส่งออก และการตลาดทั้งในและต่างประเทศ" นายเพ็ชรกล่าว
ทั้งนี้ การดำเนินการที่แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมคือการพัฒนาเว็บไซต์ระบบสารสนเทศธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร www.thaifoodnfi.com เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ประกอบการและบุคลากรในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร เป็นศูนย์กลางข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ และความรู้ ตลอดจนกฎระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องในธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อพัฒนาเป็นตลาดเสมือนจริงที่ให้ข้อมูลสินค้าและการเจรจาธุรกิจ (Food Virtual Market) นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาเว็บไซต์สถาบันอาหาร www.nfi.or.th โดยเพิ่มเนื้อหาในส่วนส่งเสริมและสร้างอัตลักษณ์อาหารไทย เน้นแนวคิด : Thai Food Good Health ในรูปแบบที่เหมาะสมกับสภาพสังคมในปัจจุบันผ่านรูปแบบแอนิเมชั่นและเกม รวมทั้งยังมีกิจกรรมอีกหลากหลาย
สำหรับการดำเนินงานของสถาบันอาหารในปี 2557 ยังคงผลักดันเป้าหมายที่วางไว้อย่างต่อเนื่องผ่านโครงการจากภาครัฐ 3 โครงการดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมอาหารของไทยเติบโตไปในทิศทางที่สอดรับกับการเข้าสู่เออีซีอย่างเต็มรูปแบบ โดยได้มุ่งพัฒนาและผลักดันให้โรงงานแปรรูปอาหารของไทยทุกระดับเข้าสู่ระบบคุณภาพสุขอนามัยในการผลิตระดับสากลไม่น้อยกว่า 500 สถานประกอบการ พัฒนาบุคลากรไม่น้อยกว่า 3,700 คน พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภคและเสริมสร้างมูลค่าวัตถุดิบทางการเกษตรไม่น้อยกว่า 107 ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งนำพาผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดสากล และมุ่งเน้นการส่งเสริมเอกลักษณ์อาหารไทยและวัฒนธรรมไทยอีกด้วย