“สมเด็จพระเทพฯ” ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ จ.สกลนคร-อุดรธานี

     วันนี้( 30 ต.ค.2556) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดสกลนคร และอุดรธานี

     วานนี้เมื่อเวลา 09.18 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ในการถวายผ้าพระกฐินสภากาชาดไทย ประจำปี 2556 ซึ่งผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศล เพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม สถานที่ให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่มีการเบียดเบียนกัน ตามความหมายของชื่อวัด  โดยในราวปี 2504 พระอาจารย์วัน อุตตโม หรือ พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร นำภิกษุสามเณรมาจำพรรษาอยู่เชิงเขาภูผาเหล็ก ซึ่งมีถ้ำที่เงียบสงบเหมาะแก่การปลีกวิเวก จึงได้สร้างวัดขึ้น เพื่อเป็นสถานที่ศึกษา และปฏิบัติธรรม จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวอำเภอส่องดาว และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดแห่งนี้ด้วย ปัจจุบันมีพระครูอุดมญาณโสภณเป็นเจ้าอาวาส, มีพระภิกษุ 21 รูป, สามเณร 1 รูป และแม่ชี 5 คน

     เวลา 10.28 น.เสด็จพระราชดำเนินไปสหกรณ์โคนมวาริชภูมิ จำกัด อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ทรงเปิดโรงงานผลิตอาหารสัตว์ กำลังการผลิต 20 ตันต่อวัน ตั้งขึ้นเพื่อลดต้นทุนการเลี้ยงโคนม โดยใช้อาหารโคนมที่มีคุณภาพ ทำให้ได้น้ำนมดิบที่ดี  ทั้งยังเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน  โอกาสนี้ ทอดพระเนตรนิทรรศการการดำเนินงานของสหกรณ์โคนมวาริชภูมิ จำกัด ที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นสหกรณ์เมื่อปี 2535 แรกตั้งมีโคนม 540 ตัว ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือด้านเงินทุนหมุนเวียน และทุนการศึกษาแก่บุตรหลานสมาชิกเพื่อศึกษาต่อแล้วกลับไปทำงานให้สหกรณ์  ตลอดจนได้รับคำแนะนำและสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมปศุสัตว์ กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมชลประทาน ทำให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จดี  ปัจจุบันมีสมาชิก 156 ครอบครัว โคนม 3,300 ตัว รวบรวมน้ำนมดิบได้วันละ 16 ตัน แปรรูปเป็นนมพาสเจอร์ไรส์ และนมยูเอชที มียอดจำหน่ายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปีที่ผ่านมามีผลกำไรกว่า 7 ล้านบาท

      เวลา 13.35 น. เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามการดำเนินโครงตามพระราชดำริ ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเทพภูเงิน อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี ซึ่งตั้งขึ้นตามที่ราษฎรร้องขอ เนื่องจากหมู่บ้านอยู่ห่างไกล การคมนาคมยากลำบาก โดยเปิดสอนตั้งแต่ปี 2548 ในระดับประถมวัยและประถมศึกษา มีนักเรียน 34 คน  ได้ดำเนินโครงการตามพระราชดำริ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร โดยจัดกิจกรรมสอนเสริม และเข้าค่ายพัฒนายกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาก่อนทดสอบโอเน็ต ในปีการศึกษานี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีได้มอบแท๊ปเล็ตให้โรงเรียน 20 เครื่องพร้อมโปรแกรมการเรียนการสอน เป็นสื่อให้ครูและนักเรียนได้เรียนรู้เรื่องราวของอาเซียน และภาษาอังกฤษ  รวมทั้งตั้งห้องสมุดให้เป็นแหล่งค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม  นอกจากนี้ ยังฝึกอบรมครูให้มีความรู้ในกลุ่มสาระวิชาต่างๆ เพิ่มมากขึ้น  ด้านโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มีผลผลิตมากเพียงพอประกอบอาหารได้ครบ 5 มื้อต่อสัปดาห์ ที่เหลือนำไปจำหน่าย นำรายได้เข้ากองทุนของแต่ละกลุ่มเพื่อเป็นทุนหมุนเวียน โดยกรมชลประทาน ได้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ความจุ 52,000 ลูกบาศก์เมตร พร้อมถังพักน้ำ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการเกษตร  ในการนี้มีพระราชดำริให้ทำระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับสูบน้ำขึ้นมาใช้ในกิจกรรมของโรงเรียน

      โอกาสนี้ ทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทาน และราษฎรที่ไปเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ  โดยมีผู้เจ็บป่วยที่ครอบครัวยากจนไปขอรับพระราชทานความช่วยเหลือ 8 ราย

      เวลา 17.10 น. เสด็จออก ณ พระตำหนัก ภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายแพทย์ประเสริฐ ดิษฐ์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเซกา จังหวัดบึงกาฬ และคณะ เฝ้าทูลละอองพระบาท รับพระราชทานเครื่องไตเทียม จำนวน 6 เครื่อง พร้อมระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม อาร์โอ (RO) ในนามของมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทยในฐานะทรงเป็นประธานมูลนิธิฯ หลังจากเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่อำเภอเซกาเมื่อปีที่ผ่านมา และทรงทราบถึงความยากลำบากของผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ในการเดินทางไปฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในตัวจังหวัด หรือจังหวัดใกล้เคียง อีกทั้งเพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่มีเพิ่มมากขึ้น

      เวลา 17.23 น.เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเมือง ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ศูนย์ฯ ที่ตั้งขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ปี 2525 โดยทรงให้พิจารณาวางโครงการจัดหาน้ำสนับสนุนศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาทดลองงานพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ ได้แก่ การพัฒนาป่าไม้ การเกษตร และเกษตรอุตสาหกรรม เป็นตัวอย่างให้ราษฎรนำไปปฏิบัติ และสามารถพึ่งตนเองได้ ที่ผ่านมาได้ดำเนินงานในลักษณะ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” มีการศึกษาทดลอง วิจัยกว่า 276 เรื่อง เกิดเป็นองค์ความรู้ที่หลากหลาย และขยายผลสำเร็จไปสู่ราษฎร 19 เรื่อง

      ในการนี้ ได้ทอดพระเนตรงานศึกษาและพัฒนาด้านป่าไม้ ซึ่งพบว่า สภาพป่าเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มีความหลากหลายทั้งพันธุ์พืช และสัตว์ ทั้งยังได้สำรวจสายพันธุ์เห็ดป่า จำนวน 185 ชนิด พบว่าเป็นเห็ดที่บริโภคได้ 84 ชนิด  จึงได้พัฒนาการเพาะเลี้ยง และขยายผลสู่เกษตรกรแล้ว คือ เห็ดบด และเห็ดขอนขาว และยังพัฒนาการเพาะเลี้ยงอีก 5 ชนิด อาทิ เห็ดตับเต่า หรือเห็ดผึ้ง, เห็ดไผ่ และเห็ดพุงหมู นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ราษฎรรวมกลุ่มเพาะเห็ด  โอกาสนี้ ทรงปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ ได้แก่นกยูงไทย, นกเขาชวา, นกเขาใหญ่ และไก่ป่าหูขาว รวมถึงพันธุ์ปลา 9 ชนิด ลงสู่อ่างเก็บน้ำตายอด ซึ่งพบว่ามีการแพร่กระจายพันธุ์ปลาในพื้นที่ศูนย์ฯ 25 ชนิด  ส่วนงานศึกษาและพัฒนาด้านข้าว ได้รวบรวมและอนุรักษ์พันธุกรรมข้าวพื้นเมืองที่มีถึง 88 เชื้อพันธุ์ และอบรมหลักสูตร “การผลิตข้าวครบวงจร” จัดตั้งสหกรณ์ผลิตข้าวครบวงจร เพื่อผลิตเมล็ดข้าวพันธุ์ดี โดยแบ่งส่วนหนึ่งไว้บริโภค และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากข้าวส่งจำหน่าย ได้แก่ข้าวกล้องงอก และข้าวฮางสำหรับหุงบริโภค รวมทั้งข้าวฮางผงสำเร็จรูป  นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัด ซึ่งใช้ปุ๋ยเคมีตามชุดดิน และค่าวิเคราะห์ดิน เพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าว กข.6 ทำให้ลดปริมาณการใช้ปุ๋ย จากไร่ละ 50 กิโลกรัม เป็นไร่ละ 17.9  กิโลกรัม โดยได้ผลผลิตข้าวต่อไร่ในปริมาณใกล้เคียงกัน  ส่วนงานศึกษาและพัฒนาด้านปศุสัตว์ มีการวิจัยเขากวาง ซึ่งได้นำมาผลิตเป็นแคปซูล และเขากวางแช่เหล้าบำรุงสุขภาพ ได้รับความนิยมเป็นอย่างดี  ด้านการพัฒนาปศุสัตว์อื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงของศูนย์คือ “3 ดำภูพาน” ได้แก่ ไก่ดำสายพันธุ์ใหม่ ทนต่อโรค กินเก่งโตเร็ว, สุกรดำภูพานหรือหมูเหมยซาน ปรับปรุงพันธุ์ให้เลี้ยงง่าย ลูกดก ให้เนื้อคุณภาพดี สามารถเลี้ยงแบบขุน

       หรือแบบผลิตลูกหมู และขยายผลไปสู่เกษตรกรรอบศูนย์ฯ  รวมถึงผู้ต้องขังในเรือนจำสว่างแดนดิน ส่วนโคเนื้อภูพาน ได้ปรับปรุงสายพันธุ์ให้มีคุณภาพดี ทำให้ได้เนื้อที่มีไขมันดีแทรก ปัจจุบันมีโคเพศผู้ที่มีความพร้อมเป็นพ่อพันธุ์ 6 ตัว โดยได้มอบน้ำเชื้อเพื่อนำไปผสมเทียมกับโคแม่พันธุ์ของสมาชิก รวมถึงยังส่งเสริมแก่ราษฎรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้