ตำรวจของอาเซียน
ตำรวจของอาเซียน
ตำรวจของอาเซียน : บทบรรณาธิการประจำวันที่30ต.ค.2556นโยบายการบริหารงานของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่แนวทางที่เป็นสากลมากขึ้นและได้รับการยอมรับจากสังคม ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการขับเคลื่อนที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องปรับและขานรับจนนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ผบ.ตร.เน้นย้ำเรื่องระบบศูนย์ปฏิบัติการ ซึ่งผู้บังคับบัญชาทุกระดับตั้งแต่กองบัญชาการ กองบังคับการ หรือแม้กระทั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้เป็นเครื่องมือในการสั่งการเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติต่างๆ ในพื้นที่ ดังนั้นในแต่ละกองบัญชาการ ต้องมีฐานข้อมูลและเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติในศูนย์ดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงระบบสื่อสาร เฝ้าฟัง เพื่อรับแจ้งเหตุ รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งโดยระบบปัจจุบันนั้นมีอยู่แล้ว แต่การปฏิบัติไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว บางกรณีแม้แต่เบอร์โทรฉุกเฉินของหน่วยงานก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รับสายอย่างเพียงพอ ด้านหนึ่งประชาชนเกิดความเบื่อหน่ายในการแจ้งเหตุผ่านโทรศัพท์ ข่าวสารที่สำคัญบางอย่างจึงขาดหายไป
มีทฤษฎีใหม่ๆ เกี่ยวกับงานตำรวจในชุมชนซึ่งสำเร็จผลในต่างประเทศ และนำมาเป็นนโยบายของบางหน่วยงาน ถือเป็นเรื่องใหม่ของบ้านเราเช่น โครงการตำรวจผู้รับใช้ชุมชน หรือยุวชนตำรวจ หากมองผิวเผินจะรู้สึกว่าไม่แตกต่างจากตำรวจชุมชนสัมพันธ์ แต่ในทางปฏิบัติมีข้อแตกต่างกันชัดเจนเพราะใช้ตำรวจน้อยมากหากเทียบกับการออกตรวจหรือสืบสวนหาข่าวในปัจจุบัน หลักการหรือทฤษฎีเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่ตำรวจสากลในนานาประเทศยอมรับและนำมาปรับใช้จนประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ สตช.เองต้องเร่งศึกษาและหาข้อมูลเพื่อนำไปปฏิบัติโดยทั่วถึงตามยุทธศาสตร์ของ สตช. ที่บรรจุไว้ หลักการตำรวจสมัยใหม่ของโลกสากลเป็นสิ่งที่มีการทดสอบทดลองมาแล้วจากประเทศที่นำไปใช้ ถ้าจะบอกว่าบ้านเราแค่นำมาปรับให้เข้ากับธรรมชาติของบ้านเมืองจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเพราะไม่ต้องลองผิดลองถูกมากนัก โลกของตำรวจควรปรับเปลี่ยนไปตามสังคมที่เปลี่ยนแปลง ส่วนสำคัญคือ การบริหารงานองค์กรที่มีระบบคุณธรรมอย่างชัดเจน การทุจริตคอร์รัปชั่นต้องกำจัดให้หมดหรือเหลือน้อยที่สุด
ปัญหาสำคัญขององค์กรตำรวจคือ การพึ่งพาผู้มีอำนาจทั้งทางการเมืองและภาคธุรกิจ เป็นช่องทางนำตัวเองไปสู่การเติบโตในหน้าที่การงาน ตำรวจจึงกลายเป็นลูกไล่ของนักการเมือง นักธุรกิจบางกลุ่มที่กล้าลงทุน จึงทำให้กลุ่มในวงจรผิดกฎหมายแข็งแกร่งขึ้น ตำรวจบางพื้นที่ไม่กล้าแม้จะไล่นักเลงที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน เพราะพวกนี้เอาเงิน เอาผลประโยชน์อื่นๆ มาให้ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ตำรวจไม่ได้น่าเกรงกลัวในสายตามิจฉาชีพอีกต่อไป สภาพอาชญากรรมในบ้านเราจึงเกิดขึ้นบ่อยและคงความรุนแรงได้ตลอดเวลา กรณีตัวอย่างเช่น การฆ่านักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ที่คนร้ายลงมือกลางเมืองหลวงโดยไม่เกลงกลัวกฎหมาย บ่อนการพนัน หวยเถื่อน นักเลงท้องถิ่น เหล่านี้ล้วนส่งส่วยถึงมือเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น ยิ่งยุคนี้เป็นยุคแห่งการกินแบ่งเมื่อผลประโยชน์ลงตัว ทุกอย่างก็ไปได้ ชาวบ้านที่ทำมาหากินเดือดร้อนก็ไม่รู้ร้องเรียนหน่วยงานไหน ถ้าผบ.ตร.ผลักดันนโยบายที่ให้ไว้สู่การปฏิบัติได้จริง ชาวบ้านคงนอนตาหลับ ทำมาหากินด้วยความสงบ เมื่อนั้นองค์กรตำรวจจะได้รับการยอมรับศักดิ์ศรีในเครื่องแบบจะกลับมาอีกครั้งก่อนถึงยุคแห่งประชาคมอาเซียน