เริ่มแล้ว'อาเซียนซัมมิท'ครั้งที่23

เริ่มแล้ว'อาเซียนซัมมิท'ครั้งที่23

บรรดาผู้นำชาติในเอเชีย-แปซิฟิก ได้ไปรวมตัวกันที่บรูไน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเป็นเวลา 2 วัน

 

                          9 ต.ค. 56  ผู้นำเหล่านี้ เพิ่งเสร็จสิ้นจากการเดินทางไปร่วมการประชุมประจำปีของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย

                          ผู้นำของสิงคโปร์ มาเลเซีย และญี่ปุ่น ต่างเดินทางถึงกรุงบันดาร์ เสรี เบกาวัน ของบรูไน เมื่้อวันอังคาร เพื่อสมทบกับผู้นำชาติอื่นๆ ที่เดินทางไปถึงก่อนหน้านี้แล้ว และเตรียมเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับ 10 ผู้นำประเทศสมาชิกสมาคมอาเซียน

                          นอกจากนี้ ยังจะมีการประชุมระหว่างชาติสมาชิกอาเซียน กับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐด้วย ซึ่งครั้งนี้ นายจอห์น แคร์รีย์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ทำหน้าที่แทนประธานาธิบดีบารัก โอบามา ที่ต้องอยู่รับมือกับวิกฤติโกเวอร์เมนท์ ชัตดาวน์ อยู่ที่วอชิงตัน ดีซี ส่วนผู้นำจากออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ก็จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกด้วยในวันพรุ่งนี้

                          สำหรับประเด็นสำคัญของเจรจา คาดว่า จะหารือกันกรณีข้อพิพาทเรื่องดินแดนในทะเลจีนใต้ที่อุดมไปด้วยทรัพยากร ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างจีนกับบางชาติ รวมทั้งฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อ ๆ เพราะข้อพิพาทเรื่องดินแดนและน่านน้ำ

 

 

เปิดฉากการประชุมสมาคมอาเซียนและหุ้นส่วนในเอเชีย-แปซิฟิก

 

                          บรรดาผู้นำชาติสมาชิกสมาคมอาเซียน ได้เริ่มการประชุมสุดยอดกับหุ้นส่วนในเอเชีย-แปซิฟิก แล้วในวันนี้ โดยที่จีน ได้รับการคาดหมายว่าจะใช้เวทีนี้ แสดงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในโลก รวมถึงส่งเสริมการค้า และเจรจาเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องดินแดนและน่านน้ำ ในขณะที่วิกฤติภายในบ้านทำให้ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐ ไม่สามารถเดินทางมาร่วมประชุมได้

                          ผู้นำชาติสมาชิกสมาคมอาเซียน ได้ไปรวมตัวกันอยู่ที่บรูไน ก่อนจะพบปะหารือกับผู้นำจาก 8 ประเทศ รวมทั้ง จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ในช่วง 2 วัน ของการประชุมแบบปิดลับ ก่อนที่จะมีการจัดเลี้ยงอย่างเอิกเกริก และถ่ายภาพหมู่ ในราชอาณาจักรที่มั่งคั่งไปด้วยน้ำมันแห่งนี้

                          สุลต่าน ฮัซซานัล โบลเกียห์ แห่งบรูไน ตรัสเปิดการประชุมว่า ภาพรวมอนาคตของภูมิภาคอาเซียน ยังคงเป็นไปตามคำมั่นสัญญา แม้ว่าในช่วง 2 ปีมานี้ จะเผชิญความท้าทายในการทำให้โร้ดแม็พไปสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนสัมฤทธิ์ผล

                          ประธานาธิบดีโอบามา จำต้องยกเลิกการเดินทางเยือน 4 ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวมทั้งการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเปคที่บาหลี ของอินโดนีเซีย และการประชุมร่วมกับชาติสมาชิกสมาคมอาเซียนที่บรูไน เพื่อรับมือกับวิกฤติงบประมาณที่ทำให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางบางส่วนต้องปิดตัวลง และนายจอห์น แคร์รีย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ต้องเดินทางมาปฏิบัติภารกิจแทน

                          การประชุมในแต่ละปี มักจะถูกเปรียบเปรยว่า เป็นการทอล์คช็อปประจำปี หรือการคุยกันมากกว่า แต่ขณะเดียวกัน 10 ชาติสมาชิกสมาคมอาเซียน ก็เปรียบเสมือนรางวัลที่สหรัฐกับจีนแย่งกันครอบครอง ซึ่งทั้่งสองฝ่ายต่างพยายามกอบกู้อิทธิพลในภูมิภาคแห่งนี้ ที่มีประชากรรวมกันกว่า 500 ล้านคน และกำลังพยายามจะผนึกกันเป็นประชาคม แบบเดียวกับสหภาพยุโรป หรืออียู ภายใน 2 ปี

                          แม้ว่า เศรษฐกิจโลกจะผันผวนอย่างไร แต่เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ก็ยังเติบโต 5.6 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีแล้ว ขณะที่ตัวเลขการเติบโตเมื่อปีก่อนหน้านี้ อยู่ที่ 4.7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นแรงผลักดันจากความต้องการภายในประเทศ

                          จากรายงานของอาเซียน ระบุว่า เมื่อเดือนมีนาคม อาเซียนได้ดำเนินการตามพิมพ์เขียวแล้ว 78 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการก้าวไปสู่การเป็นตลาดเดียว และเป็นฐานในการผลิตสินค้า , บริการ และการลงทุน ภายในปี 2558 แต่สมาชิกจำเป็นต้องใช้ความพยายามเพิ่มเป็นสองเท่า เพื่อให้ทันกำหนดเส้นตาย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

                          จีนมีแผนที่จะตั้งธนาคารการลงทุนแห่งเอเชีย เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับโครงการสาธารณูปโภคแก่ประเทศในภูมิภาค ซึ่งเรื่องนี้ถูกเปิดเผยในระหว่างการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ บอร์เนียว บุลเลติน ของบรูไน

                          ในขณะที่ประเด็นการค้า เป็นวาระสำคัญของการประชุม แต่ประเด็นข้อพิพาทเรื่้องดินแดนและน่านน้ำที่ดำเนินมายาวนาน ในทะเลจีนใต้ ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาเช่นกัน ซึ่งชาติสมาชิกอาเซียน ได้พยายามจะแก้ปัญหาพิพาท เนื่องจากเกรงว่า จะกลายเป็นการจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งที่มีการใช้กำลังกันในอนาคต

                          จีนกับไต้หวัน ต่างอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของน่านน้ำ และหมู่เกาะ รวมถึงแนวปะการัง ที่สมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ต่างก็อ้างสิทธิ์เช่นเดียวกัน และประเด็นนี้ได้นำไปสู่การงัดข้อระหว่างสองมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐเช่นกัน จากการที่สหรัฐให้ความเห็นอย่างเปิดเผยว่า การแก้ปัญหาอย่างสันติและเสรีภาพในการเดินเรือ ในน่านน้ำที่พิพาทเกี่ยวพันผลประโยชน์ของสหรัฐด้วยเหมือนกัน ขณะที่จีนเตือนว่า สหรัฐไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายข้อพิพาท ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างจีนกับประเทศเพื่้อนบ้านในเอเชียเท่านั้น

 

 

-------------------------

(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AFP)

 

 

 

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ komchadluek ดูทั้งหมด

197

views
Credit : komchadluek


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน