'ภาวิช'ห่วงเลื่อนเปิด-ปิดภาคเรียน

'ภาวิช'ห่วงเลื่อนเปิด-ปิดภาคเรียน

'ภาวิช' ห่วงเลื่อนเปิด-ปิดภาคเรียนตามอาเซียน แนะเรียกทุกฝ่ายหารือร่วมกัน ขณะที่ผลวิจัยกลุ่มนิสิตครูป.เอกชี้ 'สพฐ.' ขยับปฏิทินการศึกษาไม่สอดคล้องตามฤดูกาล

 

                      25 ก.ย.56 ศ.พิเศษ ภาวิช ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวในการจัดสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “ผลกระทบทางเลือกและทางออกเกี่ยวกับการเลื่อนเปิด-ปิดภาคเรียนของสถานศึกษา ที่มุ่งเตรียมพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียน” จัดโดย คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า ศธ.เห็นความจำเป็นการเตรียมพร้อมเรื่องอาเซียนปี 2558 จึงกำหนดกรอบแนวทางให้สถานศึกษาปฏิบัติ รวมถึงกำหนดให้มีการเลื่อนเปิด-ปิดภาคการศึกษาตามอาเซียนด้วย เดิมการเปิด-ปิดภาคการศึกษาและการกำหนดระบบต่างๆ จะคำนึงถึงความจำเป็นตามภูมิภาคของรัฐและประเทศ โดยเฉพาะกำหนดให้สอดคล้องตามฤดูกาล แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปฉะนั้นการอยู่โดยการจำแนกตัวเองคงต้องเปลี่ยนไป เพราะเราต้องคบหากับประเทศอื่นๆมากขึ้น

                      ผู้ช่วย รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสิงคโปร์ มาเลเซีย และบูรไน ขยับปฏิทินอุดมศึกษาตามชาติตะวันตกแล้ว ประมาณช่วงเดือนสิงหาคม และทราบว่าเร็วๆนี้จะมีอีกหลายประเทศสมาชิกอาเซียนขยับปฏิทินตาม อาทิ ลาว กัมพูชา ขณะที่ไทยที่ผ่านมากลุ่มมหาวิทยาลัยสมาชิกที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ประกาศขยับปฏิทินการศึกษาตามอาเซียนพร้อมกันทั้งหมดในปีการศึกษา 2557 แล้ว แต่กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏก็เป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยหนึ่ง ที่ยังประกาศใช้ปฏิทินการศึกษาเดิม ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็ประกาศให้โรงเรียนขยับปฏิทินการศึกษาจากเดิมออกไปอีก 1 เดือน เริ่มในปีการศึกษา 2557 แต่โรงเรียนเอกชน อาชีวะเอกชนก็กำหนดปฏิทินอย่างหนึ่ง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเรากำหนดปฏิทินการศึกษาไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นปัญหาต้องไปขบคิด หากปฏิทินการศึกษายังยุ่งอยู่อย่างนี้ ก็คงต้องมานั่งหารือกัน

                      “ในอาเซียนยังไม่มีประเทศใดขยับปฏิทินการศึกษาของระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเลย แต่ สพฐ.ประกาศขยับปฏิทินไปแล้ว ซึ่งอาจเป็นเพราะเห็นอุดมศึกษาเริ่มขยับจึงขยับบ้าง แต่จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องขยับตามอุดมศึกษาก็ได้ เพราะการมีเวลาว่างเพิ่มขึ้นระหว่างช่วงรอยต่อนั้น ก็มีข้อดีว่าสามารถจัดระบบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาให้อยู่ในช่วงปิดภาคเรียนได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามวันนี้สังคมไทยกำลังเผชิญปัญหาของมหาวิทยาลัยที่เปิดสอบตรง บางสาขาเปิดสอบตรงตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 บางสาขาที่ดังเปิดสอบหลายๆรอบจนเป็นปัญหา เรื่องนี้ถือว่าขาดสำนึกต่อสังคม” ศ.พิเศษ ภาวิช กล่าว

                      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการศึกษาของคณะนิสิตดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาบริหารการศึกษา (ในเวลาราชการ) รุ่นที่ 23 คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ที่ได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่อง “ผลกระทบทางเลือกและทางออกเกี่ยวกับการเลื่อนเปิด-ปิดภาคเรียนของสถานศึกษา ที่มุ่งเตรียมพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียน” วิเคราะห์เป็น 2 แผน ได้แก่

                      1.ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานคงปฏิทินเดิม เลื่อนเฉพาะระดับอุดมศึกษา ชี้ว่าการเปิด-ปิดของโรงเรียนสอดคล้องกับฤดูกาล วิถีชีวิตคนไทย และฤดูกาลท่องเที่ยว ทั้งยังทำให้มีเวลาเตรียมระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากขึ้น โดยเฉพาะการสอบโอเน็ต ม.6 ได้หลังศึกษาจบชั้น ม.6 แล้ว และสามารถทำกิจกรรมรับน้องได้เสร็จสิ้นก่อนเปิดภาคเรียน ขณะเดียวกันช่วงระยะเวลารอยต่อก่อนเข้าศึกษาต่ออุดมศึกษาที่มากขึ้นนั้น เด็กอาจใช้เวลาว่างเปล่าอย่างไร้ประโยชน์ เกิดการมั่วสุมหากไม่ได้รับการบริหารจัดการและส่งเสริมที่ดีจากภาครัฐ ซึ่งแผนนี้กระทบเฉพาะนักเรียนชั้น ม.6 และนิสิต/นักศึกษา

                      ส่วนแผน 2 เลื่อนทั้งระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษาตามประกาศปัจจุบัน ชี้ว่าโรงเรียนจะเปิดสอนไม่เหมาะสมกับฤดูกาล เพราะการเรียนการสอนจะอยู่ในช่วงฤดูท่องเที่ยว คือเดือนเมษายน และช่วงสอบและศึกษาจบในฤดูฝน อาจกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งแผนนี้จะกระทบนักเรียนทุกระดับชั้น และนิสิต/ศึกษา

                      สำหรับปฏิทินการศึกษาปีการศึกษา 2557 ที่มีการประกาศขยับนั้น ได้แก่ มหาวิทยาลัย 27 แห่งสมาชิก ทปอ. ประกาศขยับเปิด-ปิดภาคเรียนที่ 1 จากเดือนมิถุนายน-ตุลาคม เป็นเดือนสิงหาคม-ธันวาคม ภาคเรียนที่ 2 เลื่อนจากเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เป็นเดือนมกราคม-พฤษภาคม ส่วนสถานศึกษาในสังกัด สพฐ.ได้เลื่อนเปิดภาคเรียนในปีการศึกษา 2557 เช่นกัน โดยภาคเรียนที่ 1 เลื่อนเลื่อนจาก 16 พฤษภาคม-11 ตุลาคม เป็น 10 มิถุนายน-4 พฤศจิกายน ส่วนภาคเรียนที่ 2 เลื่อนจากวันที่ 1 พฤศจิกายน-1 เมษายน เป็นวันที่ 26 พฤศจิกายน-26 เมษายน

 

 

 

 

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ komchadluek ดูทั้งหมด

346

views
Credit : komchadluek


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน