'ปู'ปาฐกถา'เส้นทางประเทศไทยสู่อาเซียน'

'ปู'ปาฐกถา'เส้นทางประเทศไทยสู่อาเซียน'

'นายกฯ' ปาฐกถา ย้ำทุกภาคส่วนเตรียมปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงศก.โลกและภูมิภาคใน 4 ยุทธศาสตร์หลัก หวั่นอีก 30 ปี ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ กระทบต่อการขาดแคลนแรงงาน

 

                           16 ก.ย. 56  เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดการประชุมประจำปี 2556 ของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เรื่อง “เส้นทางประเทศไทย ... สู่ประชาคมอาเซียน” และปาฐกถาพิเศษ

                           โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เน้นเรื่องการเตรียมความพร้อมสู่อาเซียน ซึ่งได้มีพันธะสัญญาร่วมกันว่าในปี 2558 ทั้ง 10 ชาติในอาเซียนจะรวมกันเป็น 1 ภายใต้ 3 เสาหลัก คือ มั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม บางมุมมองเห็นว่าอาเซียนเป็นความเสี่ยง แต่ถ้ามาร่วมมือกัน เตรียมตัวให้พร้อม ก็จะกลายเป็นโอกาสที่สำคัญ ซึ่งการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่จะต้องเตรียมความพร้อม สู่การปรับตัว และหาโอกาสใหม่ สิ่งสำคัญคือต้องหาเป้าหมายระยะยาวร่วมกันว่าโอกาสใหม่จากการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนนั้นควรจะเป็นอย่างไรบ้าง

                           นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การใช้มาตรการ QE ทำให้มีเงินไหลเข้าตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ เงินที่ไหลเข้าทำให้เงินบาทแข็ง กระทบต่อความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทย ทั้งนี้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมาพึ่งพาการส่งออกมากกว่า 60% รัฐบาลจึงต้องปรับสมดุลให้ไทยอยู่ได้ โดยต้องเตรียมตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจทั้งระดับภูมิภาค และระดับโลกที่นับวันมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไทยอยู่ได้คือต้องรักษาฐานเดิม และขยายฐานใหม่ และอีกประเด็นที่ต้องคำนึงถึงคือพฤติกรรมผู้บริโภคจากทั่วโลกที่มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยคำนึงถึงสุขภาพมากขึ้น เน้นสุขลักษณะ ดังนั้นนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกของไทยต้องตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องปรับตัวให้ทัน บางครั้งถ้าลงทุนเร็วเกินไปอาจผลิตสินค้าที่ล้าสมัย แต่ถ้ารอเทคโนโลยี แล้วไม่ลงทุนก็กลายเป็นการเสียโอกาส ดังนั้นต้องติดตามสถานการณ์ และปรับตัวให้ทันกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป

                           นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้โครงสร้างประชากรของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ต้องหันมามองการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ผู้สูงอายุ เพราะในอีก 30 ปีข้างหน้าสัดส่วนผู้สูงอายุของไทยจะเพิ่มจาก 14% เป็น 27% ซึ่งเร็วมาก ดังนั้นในปี 2568 ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเต็มตัว ซึ่งกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของประเทศ จึงต้องหาทางในการดูแลผู้สูงอายุ และจะต้องเร่งหาทางปรับโครงสร้างประชากร เพราะถ้าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ไทยอาจจะขาดแคลนแรงงานในวัยทำงานได้

                           นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การมองประเทศไทยเมื่อเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนแล้ว จะต้องมองเป็นภาพใหญ่ ไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่ต้องมองเป็นภาพใหญ่ ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และต้องไปปรับยุทธศาสตร์ด้วย โดยยุทธศาสตร์ประเทศที่่รัฐบาลวางไว้ คือ 1. การสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการยกระดับรายได้ประชาชาติของไทยให้ก้าวสู่กลุ่มประเทศรายได้สูง และต้องมีการปรับปรุงกฎระเบียบของไทยไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เช่น กฎระเบียบที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน การใช้แรงงานผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ เพราะกฎระเบียบที่ล้าหลังทำให้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นข้อกีดกันทางการค้า 2. การสร้างความเท่าเทียมทางสังคมด้วยการพัฒนาคุณภาพคนไทย ลดความยากจน ลดช่องว่างระหว่างคนรวย-จน เข้าถึงบริการพื้นฐาน 3. การทำให้เศรษฐกิจเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4. การปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อทำให้ระบบการบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

                           นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับตัวเข้าสู่อาเซียนของเอกชน จะต้องหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างเครือข่ายการผลิตในภูมิภาค ปรับกลยุทธ์การตลาด การบริการ ภาคเอกชนจะต้องยกระดับมาตรฐานและคุณภาพสินค้าให้ตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละ segment ในอาเซียนและตลาดโลก ภาคประชาชนต้องปรับตัวเข้าสู่อาเซียนด้วยการให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงสังคม วัฒนธรรม การอยู่ร่วมกัน พร้อมเร่งพัฒนาทักษะภาษา

 

 

โต้ข่าว 'จีน' ปฏิเสธซื้อข้าวไทย ยัน 'รมว.พาณิชย์' กำลังดำเนินการ

 

                           น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษรณ์ถึงกรณีนี้นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว อ้างข้อมูลจากสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าจีนปฏิเสธและไม่มีข้อตกลงในการซื้อข้าวจากไทย โดยนายกฯ ถามย้อนว่า ข้อมูลจากไหนคะ และกล่าวต่อว่า อยู่ที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมว.พาณิชย์ ได้แถลงอยู่แล้ว ตรงนี้ต้องดูว่าเป็นข้อมูลมาจากส่วนใด เพราะการติดต่อกับจีนนั้น กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะมอบให้รมว.พาณิชย์ เป็นผู้ชี้แจง เพราะเป็นผู้ไปหารือกับจีนโดยตรง เพราะก็ค้าขายต้องมีภาคเอกชนหรืออื่นๆ มาร่วมไม่ได้เป็นลักษณะของภาครัฐ ยืนยันว่าการระบายข้าวของไทยนั้นต่างพยายามทำทุกช่องทาง และล่าสุดจะเพิ่มช่องทางในการระบายข้าวให้มากขึ้น เพราะรัฐบาลเองอยากเห็นการเพิ่มช่องทางต่างๆอยู่แล้ว ซึ่งรมว.พาณิชย์ ได้ดำเนินการอยู่

                           ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ชาวนาออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลขยายเวลาโครงการรับจำนำข้าว นายกฯ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปพูดคุยกับเกษตรกรชาวนา ในการชี้แจงทำความเข้าใจ

                           เมื่อถามว่าจะสามารถขยายเวลารับจำนำได้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอให้มีการหารือก่อน เรียนจริงๆ ว่าส่วนนี้เป็นข้าวในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดได้มีการดูแลอย่างเต็มที่

                           เมื่อถามว่าตัวแทนเกษตรกรบอกว่าจะไปที่จ.ลพบุรี ระหว่างที่มีการประชุมครม.สัญจร นายกฯ กล่าวว่า ขอให้มีการคุยกันก่อน ต้องรอติดตามการพูดคุยจากกระทรวงพาณิชย์อีกครั้ง ทั้งนี้รัฐบาลต้องขอความร่วมมือกับเกษตรกร รัฐบาลยินดีที่จะพูดคุยกันอยู่แล้วจึงอยากให้มาพูดคุยกันมากกว่าการปิดถนน เพราะจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการสัญจรของผู้อื่น

                           เมื่อถามว่าสำหรับการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรในภาพรวมรัฐบาลมีแนวทางอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำคือ การแก้ไขปัญหาในระยะยาว คือการทำโซนนิ่งเกษตร เพื่อช่วยในเรื่องของการบริหารจัดการอุปสงค์อุปทานให้มีความสัมพันธ์กัน นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้เกิดการลงทุนการแปรรูปสินค้าการเกษตร ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว แต่เบื้องต้นต้องขอความเห็นใจจริงๆ รัฐบาลจะเข้าไปช่วยอย่างเต็มที่ แต่ก็อาจจะยังไม่ถูกใจในสิ่งที่เกษตรกรคาดหวัง จึงขอความเห็นใจด้วย เพราะหากรัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือมากเกินไป งบประมาณส่วนอื่นก็จะไม่สามารถจัดสรรได้

                           "ถ้าเราไปช่วยเหลือในต้นน้ำมาก ปลายน้ำหรือผู้บริโภคก็จะซื้อในราคาที่แพงขึ้น ตรงนี้เราต้องช่วยกันรักษาสมดุล ซึ่งขณะนี้ได้ดูแลในรูปแบบของการดูแลแบบอื่นควบคู่กันไป"

                           เมื่อถามถึงการชุมนุมของเกษตรกรสวนยางที่ยังหาข้อยุติไม่ได้และมีการกล่าวหาว่าฝ่ายการเมืองอยู่เบื้องหลัง นายกฯ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวฝ่ายความมั่นคง คงจะทราบข้อมูลดีอยู่แล้ว เรียนว่ากลุ่มที่รัฐบาลได้พูดคุยกัน คือตัวแทนของชาวสวนยางทั้งหมดแล้ว สำหรับกลุ่มอื่นๆ ที่ยังไม่เห็นด้วย รัฐบาลก็ต้องใช้ความพยายามอดทนอย่างเต็มที่ และขอร้องว่าเราไม่อยากเห็นการใช้ปัญหาความเดือดร้อนนำไปสู่ผลกระทบ ในการชุมนุม โดยรัฐบาลพร้อมเปิดรับการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เราไม่อยากดำเนินการต่างๆ ตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ได้พยายามทำทุกวิธีที่อะลุ่มอล่วยมากที่สุด

 

 

ปัดแจง 'ฝ่ายค้าน' นำ 'สมาร์ทเลดี้' ปราศรัยพาดพิง

 

                           น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อเยี่ยมชมและให้กำลังใจผู้เข้าสมัครโครงการ “สมาร์ทเลดี้” โดยมี น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ ที่ปรึกษารมว.คลัง ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการพัฒนาศักยภาพสตรี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ รวมถึงผู้บริหาร คณาจารย์ และนักศึกษา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยให้การต้อนรับ

                           โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ร่วมพูดคุยและตอบข้อซักถามถึงโครงการดังกล่าว ว่า โครงการสมาร์ทเลดี้ เป็นโครงการที่จะเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้แสดงออกถึงความเป็นผู้นำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเรียนเก่งเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องมีความรู้เป็นคนดีด้วย โดยรัฐบาลจะดึงเอาความรู้เหล่านั้นของผู้สมัครออกมา สำหรับการประกวดที่ต้องจัดแบบเรียลลิตี้ เนื่องจากจะทำให้ผู้สมัครแต่ละคนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น ขอเรียนว่า เราอยากเห็นเพชรที่ไม่ได้มองในด้านมูลค่า และต้องรักษาไว้ให้เป็นสมบัติของเราเอง

                           จากนั้น นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการสมาร์ทเลดี้ ที่ถูกฝ่ายค้านนำไปปราศรัยพาดพึง ว่า ในสังคมไทยเราอยากเห็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน และมองว่าผู้หญิงไทยมีจุดดีทุกคน จึงอยากให้มองจุดดีจุดนั้นซึ่งเป็นจุดที่จะต่อยอดในการเสริมสร้างศักยภาพ การมองว่าใครฉลาดหรือไม่ฉลาด เป็นเพียงการวัดจากภายนอก แต่สิ่งที่เราอยากได้คือความคิด โดยต้องเป็นผู้หญิงที่มีความคิดดี มีความพยายามมุมานะ

                           "บางคนอาจจะไม่มีโอกาสได้เรียนหรือได้รับการศึกษาก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีความสามารถ สิ่งที่เราพยายามจะเปิดโอกาสก็คือให้สตรีที่มีอายุ 18-35 ปี เสริมสร้างศักยภาพได้แสดงออก และที่สำคัญความคิด ความรู้ และด้านจิตใจ สำคัญกว่าภายนอกหรือใครเรียนเก่ง ไม่เก่ง"

                           เมื่อถามว่าแต่ฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่ตัวนายกฯ โดยตรง จะชี้แจงอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า คงไม่ชี้แจงใดๆ ทั้งสิ้น เรียนว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะรักษาความรู้สึก และรักษาความเข้าอกเข้าใจ รวมถึงความอดทนและรักษาบรรยากาศ เชื่อว่าการมองแต่ภายนอกก็อยู่ที่แต่ละคนว่าจะวัดอย่างไร แต่ถ้าถามมาที่ตนก็คือความตั้งใจอยากเห็นประเทศเดินไปในทางที่ดี เราคือกลไกอย่างหนึ่งที่ต้องการให้เกิดการสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพ ไม่ได้บอกว่าเราต้องเก่งแล้วคนอื่นไม่เก่ง แต่สิ่งที่เราอยากได้ คือการให้เกียรติซึ่งกันและกัน

 

 

 

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ komchadluek ดูทั้งหมด

204

views
Credit : komchadluek


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน