ม็อบรวมพลค้านขึ้น LPG หน้า ปตท. 9 โมง

     วันนี้( 9 ส.ค.2556) เครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานไทยนัดรวมพลชุมนุม ค้านขึ้นก๊าซหุงต้มหน้า ปตท. สำนักงานใหญ่ วันนี้ 09.09 น.

     เครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานไทย กำหนดรวมตัวช่วงเช้าในเวลา 09.09 น. ภายใต้ชื่อ “วันเผด็จศึกทรราชย์พลังงานไทย” คัดค้านการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจีภาคครัวเรือน) อุ่นเครื่อง รอกำหนดศาลปกครองนัดไต่สวนกรณีดังกล่าวในวันที่ 10 ก.ย.นี้ หลังจากมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคได้ยื่นฟ้อง และขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม

     โดยการรวมตัวในช่วงเช้า จะเป็นการเปิดเวทีเล็กให้ประชาชนที่คัดค้านขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน หรือก๊าซหุงต้ม ร่วมลงชื่อถอดถอน นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และข้าราชการระดับสูงสังกัดกระทรวงพลังงาน ออกจากตำแหน่ง โดยรณรงค์ให้ประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมใส่เสื้อดำ เพื่อเป็นสัญลักษณ์คัดค้านการขึ้นราคาแอลพีจี

      อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานไทย ระบุว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าการชุมนุมใหญ่ในช่วงบ่ายของวันนี้จะยืดเยื้อหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับพลังมวลชนว่าเดินทางมากดดันมากน้อยเพียงใด

      ในขณะที่เวทีใหญ่จะเริ่มต้น ในเวลา 13.00 น. เพื่อรอให้ประชาชนจากต่างจังหวัดเดินทางมาร่วมชุมนุม โดยจะเชิญกลุ่มประมงพื้นบ้าน จ.ระยอง ร่วมสะท้อนปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณีท่อส่งน้ำมันดิบ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) รั่วไหลกลางทะเล จ.ระยอง เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2556 ชี้แจงความเปลี่ยนแปลงสภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเล และปัญหาความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบของ PTTGC ที่ยังไม่ทั่วถึง

      ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี อนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา เป็นตัวแทนยื่นหนังสือต่อ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน และนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท. ร่วมขึ้นเวทีดีเบต บนเวทีด้านหน้า ปตท.สำนักงานใหญ่ ซึ่งกลุ่มเครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานไทยใช้เป็นจุดนัดชุมนุม โดยหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์จะเป็นตัวแทนภาคประชาชน ในการขึ้นเวทีดีเบตกับ รมว.พลังงาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.  แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่า รมว.พลังงาน และนายไพรินทร์ ตอบรับหรือไม่

      สำหรับการชุมนุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 ก.ย.นี้ เป็นการชุมนุมเพื่อทวงถามคำตอบจาก รมว.พลังงาน หลังจากตัวแทนเครือข่ายฯ ยื่นหนังสือต่อ รมว.พลังงาน เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้หยุดการขึ้น ราคาก๊าซ  LPG และขอให้ดำเนินการปฏิรูปกิจการพลังงานของประเทศโดยเร่งด่วน โดยการชุมนุมในวันที่ 9 ก.ย.นี้ ยังคงยื่นเสนอข้อเรียกร้องเดิม 7 ข้อ ซึ่งประกอบด้วย

      ข้อ 1.หยุดการขึ้นราคา LPG และให้ยกเลิกมติ ครม. ที่ให้ปิโตรเคมีใช้ก๊าซ LPG จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติก่อน โดยให้กำหนดลำดับการใช้ก๊าซ LPG จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติใหม่ 2.ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบต้นทุนราคาก๊าซ LPG ของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โดยให้ตัวแทนของภาคประชาชนเข้าร่วมกึ่งหนึ่ง เนื่องจากต้นทุนที่ ปตท. แจ้งอยู่ ณ ปัจจุบันเป็นต้นทุนที่สูงผิดปกติ เนื่องจากเดิมในปี 2546 ปตท.มีโรงแยกก๊าซ 3 โรง ต้นทุน LPG อยู่ที่ 10 บาท/กก. ต่อมาปี 2550 ปตท.มีโรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้นเป็น 5 โรง ต้นทุน LPG อยู่ที่ 13 บาท/กก. ปัจจุบัน ปตท.มีโรงแยกก๊าซรวม 6 โรง ปตท.กลับแจ้งราคาต้นทุน LPG สูงขึ้นเป็น 16.50 บาท/กก. ซึ่งขัดกับหลักการประหยัดด้วยขนาดการผลิต หรือ Economy of Scale เมื่อหน่วยการผลิตเพิ่มขึ้นต้นทุนต่อหน่วย จะต้องเท่าเดิม หรือควรจะลดลง ขณะที่ต้นทุนการผลิตบวกกำไรของการผลิต LPG จากแหล่งสิริกิติ์ในปัจจุบันอยูที่ประมาณ 9 บาทเศษ/กก.เท่านั้น

      ส่วนข้อ 3.ยกเลิกการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากประชาชน 4.ให้เรียกเก็บเงินจากธุรกิจปิโตรเคมีของบริษัทในเครือ ปตท. ที่ต้องนำส่งเจ้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราเดียวกับผู้ค้ารายอื่น ที่ 12.55 บาท/กก. 5.ยกเลิกระบบสัมปทานการขุดเจาะก๊าซและน้ำมัน เปลี่ยนเป็นระบบแบ่งปันผลผลิตที่ผลผลิตก๊าซและน้ำมันส่วนใหญ่เป็นของภาครัฐ เช่นเดียวกับประเทศอาเซียนอื่น เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

      ข้อที่ 6.ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปพลังงานแห่งชาติขึ้นโดยเร็ว โดยขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี และให้มีสัดส่วนของภาคประชาชนและนักวิชาการที่เป็นอิสระจากภาครัฐและภาคธุรกิจเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนคณะกรรมการทั้งหมด เพื่อทำหน้าที่เสนอนโยบายและแผนการบริหารในการปฏิรูปกิจการพลังงานของประเทศในทุกด้านให้เป็นธรรม โดยห้ามข้าราชการมีผลประโยชน์ทับซ้อนในกิจการพลังงาน, และประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและการจัดการในกิจการพลังงานทุกระดับ  และ 7.รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นปัจจุบัน ยุติการให้ข้อมูลเท็จของกระทรวงพลังงานและธุรกิจพลังงาน.