“เอแบคโพล” เผยคนไทยสุดปลื้มปีติ ‘ในหลวง-ราชินี’ ทรงหายประชวร


63056 

      วันนี้( 5 ก.ย.2556) “เอแบคโพล” เผย ในสายตาคนไทย พบว่าส่วนใหญ่ปลื้มปีติข่าว “ในหลวง-พระราชินี” ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพลานามัยแข็งแรง

      นายนพดล กรรณิกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา กระทรวงวัฒนธรรม และประธานเครือข่ายวิชาการทำประชาพิจารณ์และสาธารณมติเพื่อนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง “ความปลื้มปีติของคนไทย ในท่ามกลางความร้อนแรงทางการเมือง และข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์รวมคนในชาติเป็นหนึ่ง” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,934 ตัวอย่าง ความคลาดเคลื่อนร้อยละ 7 พบว่า ข่าวที่ทำให้คนไทยปลื้มต่อเรื่องดีๆ ในสายตาต่างชาติ 5 อันดับแรก พบว่า อันดับที่ 1 หรือร้อยละ 31.3 ระบุปลื้ม น้องเมย์-รัชนก อินทนนท์ แชมป์แบดมินตันโลก รองลงมาร้อยละ 22.5 ปลื้มทีมทนายไทยในคดีเขาพระวิหาร

       ส่วนอันดับ 3 หรือร้อยละ 17.7 ปลื้ม นุศรา ต้อมคำ มือเซตอันดับ 1 วอลเลย์บอล อันดับ 4 หรือร้อยละ 15.8 ปลื้มต่างชาติ (นิวยอร์กไทม์) ยกย่องนายกรัฐมนตรีไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ลดความขัดแย้งภายในประเทศ เทียบจลาจลในอียิปต์ และอันดับ 5 หรือร้อยละ 12.7 ปลื้ม พ.ท.(หญิง) ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ ผู้หญิงคนไทยที่ได้เป็น ส.ส.สหรัฐอเมริกา แต่ไม่ลืมความเป็นคนไทย

       เมื่อถามถึงข่าวทำให้คนไทยปลื้มต่อเรื่องดีๆ ในประเทศไทย 5 อันดับแรก พบว่า อันดับที่ 1 หรือร้อยละ 44.8 ระบุปลื้มปีติข่าวในหลวงและพระราชินีทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพลานามัยแข็งแรง รองลงมา หรือร้อยละ 21.9 ระบุปลื้มใจศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดของตนเอง ร้อยละ 16.3 ระบุการปกครองระบอบประชาธิปไตย แม้บ้านเมืองจะมีเรื่องวุ่นวาย ร้อยละ 9.7 ระบุปลื้มที่รัฐบาลลงทุนดูแลสุขภาพและสุขภาวะของประชาชน และร้อยละ 7.3 ระบุปลื้มเพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังรักกัน มีน้ำใจเกื้อกูลกัน แม้นักการเมืองจะทะเลาะกัน ตามลำดับ

       อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ เรื่องเร่งด่วนของรัฐบาลและผู้ใหญ่ในสังคมที่ต้องการคือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 81.9 ระบุ เร่งแก้ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รองลงมาคือ ร้อยละ 80.3 ระบุยึดกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและหน้าที่พลเมืองที่ดี ร้อยละ 76.4 ระบุรัฐบาลต้องสร้างความวางใจให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ร้อยละ 68.1 ระบุช่วยกันรักษา ความดี คุณธรรม ค่านิยม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของคนในชาติร่วมกัน และร้อยละ 64.5 ระบุทำให้ทุกคนเห็นว่า ความสงบสุขและผลประโยชน์ของประเทศชาติสำคัญต่อชีวิตประจำวันของทุกคน ตามลำดับ

       นายนพดล กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองที่วุ่นวายขณะนี้ ยังมีความเป็นไปได้สำหรับการนำยุทธศาสตร์รวมคนในชาติเป็นหนึ่งเดียวกันได้ โดยทำให้ทุกคนเห็นโอกาสและจุดแข็งของคนไทยทุกคนในชาติว่า ยังคงมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในสังคมไทยในท่ามกลางความร้อนแรงทางการเมือง และการชุมนุมประท้วงแนวนโยบายของรัฐบาลก็ตาม จึงมีข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์ดังนี้ ประการแรก รักษาปัจจัยเชิงบวก และทำให้เกิดการรับรู้ของสาธารณชน เช่น โอกาสที่ประเทศไทยจะเจริญเติบโตและมั่นคงในกลุ่มประเทศภูมิภาคอาเซียน ที่เกิดจากความสามารถของคนไทยทุกคนในชาติ เพราะมีจุดแข็งเรื่องความรักความสามัคคีและรักความสงบสุขในสังคม โดยกระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดิน กตัญญูต่อแผ่นดิน และสถาบันหลักของชาติ ที่ได้หล่อหลอมรวมคนในชาติมาหลายร้อยปี

       ประการที่สอง หนุนเสริมทำให้เกิดแรงบันดาลใจ และการมีส่วนร่วมเป็นหุ้นส่วนของประเทศในทางปฏิบัติสู่เป้าหมายร่วมกัน ที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ประโยชน์ของประเทศชาติและผลลัพธ์ประโยชน์ส่วนตัวและชุมชน ประการที่สาม ทำให้ชาวต่างชาติที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ทั้งจากกลุ่มประเทศในยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชีย-แปซิฟิก ได้สัมผัสกับความรักความเป็นมิตรของคนไทย ทำให้เกิดการสื่อสารความเข้าใจอันดีต่อกันในท่ามกลางความแตกต่างที่หลากหลายทางวัฒนธรรมในประเทศไทย โดยอยู่กับคนไทยได้โดยไม่รู้สึกแปลกแยกและไม่หวาดกลัวต่ออาชญากรรม

       ประการที่สี่ รัฐบาลต้องทำให้สาธารณชนเกิดความวางใจต่อหลักความโปร่งใสที่มากกว่าการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาล โดยทำให้เห็นวิธีการที่จับต้องได้ว่า รัฐบาลทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่มีกลุ่มคนทั้งที่เป็นรัฐมนตรี คณะที่ปรึกษาและคนใกล้ชิดเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากนโยบายสาธารณะของรัฐบาลและของประเทศชาติ จึงเสนอให้ติดประกาศการใช้จ่ายงบประมาณในรายละเอียดให้เห็นการไหลของทุกเม็ดเงินว่าใคร หน่วยงานใด บริษัทองค์กรใด และกลุ่มบุคคลใด ได้การจัดสรรงบประมาณไปใช้

       ท้งนี้ รัฐบาลต้องเร่งขจัดความเคลือบแคลงสงสัยในระบบแอบแฝง ที่เรียกกันทั่วไปว่า “ระบบเงินทอน” ในโครงการของรัฐ ผลที่ตามมาคือ ความวางใจของสาธารณชนต่อรัฐบาล และเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะรวมคนในชาติเป็นหนึ่งไว้ได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศจะฟังรัฐบาล ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถปลุกปั่นกระแสโค่นล้มรัฐบาลและการปกครองแบบประชาธิปไตยได้.


uasean

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ chaoprayanews.com ดูทั้งหมด

186

views
Credit : chaoprayanews.com


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน