ไทยเบฟเกาะอาเซียนลิงค์ F&Nเจาะเออีซี
ไทยเบฟ รุกตลาดอาเซียน อาศัยจังหวะเปิด "อาเซียนลิงค์" เดินหน้าโรดโชว์แนะนำบริษัท นำร่องเข้าร่วม "มันนี่เอ็กซ์โป" ในไทยปีแรก
นายวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนการตลาดไทยเบฟ ว่า จากนี้ไปจะเดินหน้าสร้างการรับรู้บริษัทในฐานะที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยอยู่อันดับที่ 15 ของตลาด มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 3 แสนล้านบาท เมื่ออาเซียนเปิดการเชื่อมโยงระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ ระหว่างตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียน หรือ ASEAN Trad Link จึงจำเป็นต้องเดินหน้าสร้างการรับรู้บริษัทให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ล่าสุด ไทยเบฟ ซึ่งแม้จะจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ แต่ก็ตัดสินใจเข้าร่วมงานมันนี่เอ็กซ์โป ที่ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 9-12 พ.ค. นี้ โดยจะมีการออกบูธให้รายละเอียดข้อมูลบริษัท ผลประกอบการ สินค้า-บริการในเครือข่ายทั้งหมด เพื่อสร้างการรับรู้ต่อตลาดและนักลงทุน
"ไม่เฉพาะในไทย แต่รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ก็จะเข้าร่วมเปิดตัวเช่นเดียวกัน เพื่อเดินหน้าแผนขยายตลาดในภูมิภาค" นายวิเชฐ ย้ำและว่า การเปิดข้อมูลบริษัท จะดำเนินควบคู่ไปกับแผนขยายตลาด ซึ่งต่อเนื่องจากการที่ไทยเบฟ ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ จำกัด (มหาชน) หรือ เอฟแอนด์เอ็น บริษัทอาหารเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของสิงคโปร์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาและดำเนินการเสร็จสิ้นลงเมื่อต้นปีนี้
โดย ไทยเบฟ เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 28.6% หรือมูลค่ากว่า 3,300 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ กว่า 8 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าการซื้อทั้งสิ้นกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ กว่า 3 แสนล้านบาท โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ในการซื้อจาก 90.3% ที่ซื้อได้สำเร็จตั้งแต่เมื่อเดือนก.พ. คือ บริษัท ทีซีซี แอสเซตส์ จำกัด ของนายเจริญและคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี
อย่างไรก็ตาม ดีลดังกล่าวได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนทางกลุ่มทีซีซีฯ ได้ขายหุ้นออก 0.3% เพื่อไม่ให้ถือเกิน 90% ตามเงื่อนไขตลาดหลักทรัพย์ที่สิงคโปร์ เพื่อดำรงสถานะการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ของเอฟแอนด์เอ็นไว้ตามเดิม พร้อมกับได้ทำการปรับโครงสร้างทีมบริหาร ตามสัดส่วนการถือหุ้น ไปตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2556
แผนกลยุทธ์ หลังจากกลุ่มทีซีซีฯ เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เอฟแอนด์เอ็น เบื้องต้นบอกได้เพียงแผนงานในมุมมองที่เคยประกาศไว้ คือ การมองโอกาสที่จะใช้แบรนด์ของเอฟแอนด์เอ็น ในการเปิดตลาดภูมิภาคอาเซียนได้อย่างรวดเร็ว
ผู้บริหารไทยเบฟ ยอมรับว่า ธุรกิจหลักของไทยเบฟ ปัจจุบันยังคงมาจากสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กว่า 90% ซึ่งเป้าหมายตามที่เคยประกาศไว้คือ ต้องการปรับพอร์ตเครื่องดื่มระหว่างแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์ ให้มาเป็น 70/30 ให้ได้ภายใน 3 ปี ซึ่งการได้ธุรกิจเอฟแอนด์เอ็น เข้ามาก็มีความเป็นไปได้ที่แผนปรับพอร์ตดังกล่าว อาจทำได้เร็วกว่า 3 ปี
เนื่องจาก "เอฟแอนด์เอ็น" เป็นแบรนด์ที่แข็งแรงในระดับอาเซียนและเอเชีย ดังนั้นการจะขยายตลาดสินค้าของกลุ่มไทยเบฟ เข้าไปในหลายๆ ตลาดของภูมิภาคนี้ การได้อาเซียนแบรนด์อย่างเอฟแอนด์เอ็น มาเสริมทัพจะทำให้การขยายทำได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน
"วันนี้ ยังไม่อาจบอกได้ว่าสินค้าตัวใด ที่จะนำเข้ามาเปิดตลาด และสินค้าตัวใดที่จะนำออกไปขายนอกบ้าน แต่เครื่องดื่มกลุ่มน้ำดำยังคงให้เสริมสุขเป็นผู้ทำตลาดหลัก ส่วนกลุ่มนอนแอลกอฮอล์อื่นที่เป็นเทรนด์ เช่น ชาผลไม้เพื่อสุขภาพ หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ ซึ่ง เอฟแอนด์เอ็น มีสินค้าที่เป็นจุดเด่นหลายตัว ก็อาจนำมาเปิดตลาดได้ ขณะเดียวกัน เอฟแอนด์เอ็น จะเป็นหัวหอกนำสินค้าต่างๆ ของไทยเบฟออกไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น "
ขณะที่ ผลประกอบการไทยเบฟ มีรายได้ปี 2555 กว่า 1.61 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มียอดรายได้อยู่ที่ 1.3 แสนล้านบาท ถือว่าเพิ่มขึ้นมากพอสมควร ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้เสริมสุขเต็มจำนวน ส่วน เอฟแอนด์เอ็น หลังจากซื้อหุ้น และถืออยู่ 28.6% มีส่วนรับรู้เฉพาะกำไรเข้ามาบางส่วน
สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรก 2556 จะชี้แจงตลาดกลางเดือนพ.ค. นี้ หากย้อนดูจากผลประกอบการปี 2555 จะพบว่า แต่ละไตรมาสมียอดรายได้เข้ามาโดยเฉลี่ยที่ 4 หมื่นล้านบาท
ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20130503/503566/ไทยเบฟเกาะอาเซียนลิงค์-F&Nเจาะเออีซี.html