ปูทางเปิดตลาดการค้าอาเซียน
ปูทางเปิดตลาดการค้าอาเซียน
เปิดหูเปิดตาอาเซียน : เจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภค ปูทางเปิดตลาดการค้าอาเซียน
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) คือ ยุคทองของการค้าขายและการลงทุน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการและนักการตลาดต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาสิ่งแวดล้อมทางการตลาดของแต่ละชาติ ซึ่งการเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภค 9 ประเทศในอาเซียน เปรียบเทียบวิถีการดำเนินชีวิตของแต่ละชาติ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนการตลาด
"กฤษติกา คงสมพงษ์" ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า การลงทุนค้าขายกับชาติต่างๆ ในอาเซียน ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคของแต่ละชาติ ซึ่งการเข้าสู่เออีซี จะทำให้เกิดกลุ่มผู้บริโภคคนชั้นกลางเพิ่มขึ้นในทุกประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ของสินค้าและบริการจากทั่วโลก ดังนั้น ภาคธุรกิจจะต้องมีความตื่นตัวรอบด้านเพื่อรับมือกับการแข่งขันของตลาดในอนาคต โดยเริ่มจากการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เพื่อง่ายต่อการเปิดตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน
จากการที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นักการตลาดและผู้ประกอบการจำเป็นต้องศึกษาผู้บริโภคชาติอื่นๆ ในอาเซียนทั้ง 9 ประเทศ โดยเริ่มจาก ประเทศเมียนมาร์ ประชากรส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่มสาว นับถือศาสนาพุทธและค่อนข้างเคร่ง จึงมีความซื่อสัตย์และเชื่อใจได้ ในขณะเดียวกันคนในเมียนมาร์ก็จะไม่ไว้ใจคนที่มีบุคลิกที่ไม่จริงจัง ที่สำคัญเป็นชาติที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี และเป็นดินแดนที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจเมียนมาร์ค่อนข้างสูง เนื่องจากทรัพยากรอุดมสมบูรณ์และปัจจัยอื่นๆ ที่ดึงดูดการลงทุน ส่วน ประเทศกัมพูชา เป็นชาติที่ประชากรมีพฤติกรรมคล้ายกับคนไทยและชอบดูละครไทย จึงทำให้คนกัมพูชาชื่นชอบสินค้าไทย ที่สำคัญประชากรส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 20 ปี และพร้อมจะรับสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน
สำหรับ ประเทศสิงคโปร์ เป็นชาติที่มีจำนวนประชากรน้อยสุดในภูมิภาคนี้ ขณะที่มีการแข่งขันด้านต่างๆ สูงมาก คนส่วนใหญ่มีความเป็นปัจเจกบุคคลสูง จึงทำให้โอกาสการมีคู่ครองและแต่งงานน้อย และเป็นประเทศเล็กที่มีเจริญทุกๆ ด้าน ที่สำคัญสิงคโปร์ไม่ผลิตอะไรเลยไม่ว่าจะเป็นสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคอาศัยการนำเข้าจากต่างประเทศ ประชากรมีอำนาจในการซื้อสูง เป็นชาติที่มีศักยภาพในการคัดเลือกสินค้าและบริการเพื่อให้สอดคล้องกับรสนิยมของประชากร จึงทำให้ชาติต่างๆ พยายามที่จะเข้าไปเจาะตลาดในสิงคโปร์
ประเทศอินโดนีเซีย ร้อยละ 86 ของประชากรเป็นชาวมุสลิม แต่ไม่ค่อยเคร่งครัดมากนักเห็นได้จากเหล้าและเบียร์นั้นยังหาซื้อได้ง่าย และจำนวนประชากรที่มีอายุระหว่าง 25-35 ปีนั้นมีจำนวนถึง 44 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มวัยคนทำงาน และเป็นประเทศที่มีการศึกษาสูง ต่างจากประเทศลาว ที่ประชากรส่วนใหญ่มีการศึกษาค่อนข้างน้อย ที่สำคัญเป็นชาติที่มีอุปนิสัยเหมือนคนไทยและพูดภาษาไทยได้ แต่ไม่ยอมรับเรื่องเป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้องกับไทย และพฤติกรรมโดยทั่วไปนั้นคล้ายกับคนไทยมีอุปนิสัยสบายๆ
มาถึง ประเทศเวียดนาม ประชาชนส่วนใหญ่มีอุปนิสัยเป็นนักสู้ และมองโลกในแง่ดี ทั้งยังเน้นการสร้างความบันเทิงให้กับชีวิต และส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับอนาคตของบุตรหลานมาก แม้ว่าจะยากจนแต่พยามยามที่จะส่งลูกเรียนให้สูงๆ และจะคัดสรรสิ่งที่ดีและมีประโยชน์สูงสุดเพื่อต้องให้ลูกฉลาด ส่วน มาเลเซีย นั้น ประชากรดั้งเดิมมีประมาณ 60% ส่วนอีก 20% เป็นคนจีน และชาติอื่นๆ อีก 20% ซึ่งคนท้องถิ่นของมาเลเซียส่วนใหญ่ไม่ชอบคนจีน และจะถูกกีดกันค่อนข้างมาก หากต้องการทำธุรกิจกับชาวมาเลเซียจะต้องมีพรรคพวกหรือพันธมิตรเท่านั้น
สำหรับฟิลิปปินส์ ภูมิประเทศเป็นเกาะและคนส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ คนที่เก่งๆ มักจะออกไปทำงานต่างประเทศ แล้วส่งเงินกลับมาประเทศของตนเองมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ส่งผลให้คนที่อยู่ในประเทศนั้นมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง และส่วนใหญ่ได้รับอิทธิจากประเทศอเมริกา ทั้งทางด้านการแต่งกายและรับประทานอาหาร ดังนั้น ร้านอาหารส่วนใหญ่จะเป็นแบบอเมริกันผมสมผสานกับท้องถิ่น
สุดท้ายคือ บรูไน เป็นประเทศที่ไม่ต้องดิ้นรนมากนักเพราะเป็นแหล่งผลิตน้ำมัน ทำให้พฤติกรรมการจับจ่ายและอำนาจในการซื้อของประชาชนติดอันดับ 6 ของโลก และเป็นสังคมมุสลิมที่ค่อนข้างเคร่งศาสนา เหล้าและเบียร์หายากมาก รวมทั้งประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยกลางคน
นอกจากข้อมูลดังกล่าวแล้ว ธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการบุกตลาดอาเซียนจะต้องมีข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุน โดยเฉพาะพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากจะทำให้ทราบว่าลูกค้าในประเทศดังกล่าวต้องการอะไร ดังนั้น ทุกธุรกิจจึงต้องให้ความสำคัญกับการวิจัยตลาด
--------------------------
(เปิดหูเปิดตาอาเซียน : เจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภค ปูทางเปิดตลาดการค้าอาเซียน)