ก้าวสู่ 'ASEAN Seafood Hub' ปี58
ก้าวสู่ 'ASEAN Seafood Hub' ปี58
เส้นทางอาชีพ : ก้าวสู่ 'ASEAN Seafood Hub' ปี58 : โดย...สุรัตน์ อัตตะ
เมื่อพูดถึงการก้าวเข้าสู่ "อาเซียนหนึ่งเดียวหรือประชาคมอาเซียน” ของประเทศไทยในปี 2558 ไม่มีใครปฏิเสธ ทุกวันนี้ประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจจะถูกหยิกยกขึ้นมาพูดคุยกันในอันดับแรกๆ เพราะทุกคนต่างเชื่อว่านี่คือโอกาสของประเทศไทยที่จะแสดงศักยภาพในการแข่งขันด้านการผลิตและส่งออกสินค้าเกษตร รวมทั้งความเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก
“กลุ่มสินค้าประมง” นับเป็นกลุ่มสินค้าการเกษตรอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก ตั้งแต่ระดับนโยบายในรัฐบาลไปจนถึงระดับหน่วยงานผู้ปฏิบัติ เพราะต่างเชื่อว่าการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมาช่วยเติมเต็มศักยภาพการผลิตสินค้าของประเทศไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
รัฐมนตรีที่คุมนโยบายอย่าง "ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์" ก็ยังให้ความสำคัญโดยเร่งผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าประมงที่มีมาตรฐานของอาเซียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในการส่งออกสินค้าประมงไปยังตลาดโลก โดยมอบหมายให้กรมประมงเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนโยบาย ASEAN Seafood Hub ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์สำคัญ
อย่างเช่น 1.การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสัตว์น้ำ โดยเน้นการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์และผลิตสัตว์น้ำที่มีศักยภาพในการส่งออก ได้แก่ กุ้งและปลานิล เร่งวิจัยแนวทางการลดต้นทุนในการเพาะเลี้ยง รวมทั้งสร้างศูนย์ผลิตพันธุ์กุ้งทะเลระบบเทคโนโลยีชีวภาพ 2.การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการควบคุมคุณภาพสินค้าประมงตลอดห่วงโซ่การผลิต
แม้ปัจจุบันระบบการควบคุมคุณภาพสินค้าประมงตั้งแต่ระดับฟาร์ม โรงงานแปรรูป และสินค้าส่งออกของไทยจะมีมาตรฐานที่ดีกว่าประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน แต่ยังต้องมีการพัฒนาและยกระดับให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่มีข้อกำหนดใหม่ๆ รวมทั้งข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้า ซึ่งไม่ขัดกับกฎระเบียบของเวทีการค้าโลกด้วย
3.รักษาปริมาณผลผลิตสัตว์น้ำจากการทำประมงร่วมในน่านน้ำต่างประเทศ ซึ่งกรมประมงร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการของไทยในการเจรจากับรัฐบาลประเทศอื่นๆ เพื่อหาแหล่งพื้นที่ทำการประมงเพิ่มเติม และร่วมลงทุนด้านการแปรรูปสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียและพม่า ซึ่งเป็นแหล่งการทำประมงขนาดใหญ่
4.สนับสนุนการค้าและการลงทุนร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน โดยดำเนินงานร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) สำนักงานทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ และสมาคม ชมรม ผู้ประกอบการที่สนใจ พร้อมจับคู่ธุรกิจประมงกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย ลาว พม่า กัมพูชา
และ 5.จัดงานแสดงสินค้าประมงระดับนานาชาติในประเทศไทย สัมมนาวิชาการประมง การเจรจาธุรกิจประมง เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยและประเทศอาเซียน มีโอกาสในการประชาสัมพันธ์และนำเสนอสินค้าประมงให้แก่ผู้นำเข้าจากทั่วโลก
ซึ่งทั้ง 5 ยุทธศาสตร์นี้อธิบดีกรมประมง "ดร.วิมล จันทรโรทัย" ก็ให้ความมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็น ASEAN Seafood Hub ได้ภายในปี 2558 ตามเป้าหมาย ซึ่งก็จะเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้จากการส่งออกสินค้าประมงให้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่สามารถทำได้เฉลี่ยปีละ 2 แสนล้านบาทเท่านั้น!
---------------------------
(เส้นทางอาชีพ : ก้าวสู่ 'ASEAN Seafood Hub' ปี58 : โดย...สุรัตน์ อัตตะ <surat_a@nationgroup.com>)