"MC"เปิดเทรดวันแรกบวก 2.50 บาทจากราคาไอพีโอ
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
แรงซื้อ MC เปิดเทรดวิ่งบวกทันที 2.50 บาท อยู่ที่ระดับ 17.50 บาท เพิ่มขึ้น 16.67% ณ เวลา 10.02 นาที ผู้บริหารแม็คกรุ๊ปย้ำธุรกิจโตต่อเนื่อง จากปัจจัยพื้นฐานดี เตรียมขยายฐานตลาดในอาเซียน ตั้งเป้ารายได้เติบโตที่ไม่ต่ำกว่า 20%
รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) แจ้งว่า การเข้าซื้อขายบนกระดานของหุ้น บมจ.แม็คกรุ๊ป หรือ MC เปิดที่ระดับ 17.50 บาทเพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 16.67% จากราคา IPOที่ 15.00 บาท/หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 521.10ล้านบาท
นางสาวปรารถนา มงคลกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.แม็คกรุ๊ป หรือ MC กล่าวว่า พอใจในราคาหุ้นที่เปิดตลาดมาในวันซื้อขายวันแรกนี้ เพราะมีนักลงทุนให้ความสนใจ และมีความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัทฯว่าแนวโน้มจะมีอนาคตที่ดี เพราะอุตสาหกรรมแฟชั่นกำลังขยายตัวเป็นอย่างมาก และตัวบริษัทเองนั้นมีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยีนส์ถึง 38% แม้ว่าตลาดหุ้นไทยในระยะนี้จะมีการแกว่งตัวผันผวนจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศอยู่บ้างแต่แนวโน้มโดยรวมยังคงน่าลงทุนอยู่
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าในไตรมาสที่ 3 บริษัทจะยังคงรักษายอดการเติบโตได้ดีแม้ว่าเศรษฐกิจในช่วงนี้อาจจะชะลอตัวลงไปบ้าง ซึ่งนักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้บริษัทมีความได้เปรียบกว่าบริษัทอื่นที่จำหน่ายสินค้าประเภทเดียวกัน แต่มีราคาจำหน่ายในตลาดที่ถูกกว่ามาก โดยมีสินค้าระดับพรีเมี่ยมราคาประมาณ 1,300 บาทขึ้นไปประมาณ 50% และสินค้าที่ราคา 700-800 บาทประมาณ 40% ซึ่งขายได้ในปริมาณมาก
ขณะเดียวกันบริษัทได้เตรียมที่จะทำตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมในกลุ่ม AEC ได้แก่ ประเทศพม่าและประเทศลาว เนื่องจากเป็นตลาดเปิดใหม่และมีความต้องการในสินค้าแฟชั่นมากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตที่ไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ทำรายได้กว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งในประเทศพม่าและลาวคาดว่าจะทำรายได้ให้บริษัทประมาณ 5% จากรายได้ทั้งหมดของปีนี้
ส่วนประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย อยู่ในช่วงที่กำลังเซ็นสัญญากับผู้แทนจำหน่ายคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้ ซึ่งตลาดทั้ง 2 ประเทศนี้เป็นตลาดภูมิภาคอาเซียนแหล่งใหญ่ มีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการสินค้าหลากหลาย ต่อเนื่องในปริมาณมาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนขาย IPO ไปใช้ในการพัฒนาร้านที่มีสาขากว่า 550 สาขาทั่วประเทศ การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายต่างประเทศ และเพิ่มกำลังการผลิตตลอดจนถึงพัฒนาเทคโนโลยีและการวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งหลังจากที่บริษัทเสนอขายหุ้น IPO ทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้ว 400 ล้านบาท หรือ 800 ล้านหุ้น โดยมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งมติที่ประชุมได้อนุมัติเตรียมที่จะจ่ายปันผลระหว่างกาล ในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ ในราคา 0.225 บาท/หุ้น เป็นจำนวน 180 ล้านบาท
ที่มา : http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrview.aspx?NewsID=9560000081367