'สมคิด'แนะไทยต้องปฏิรูปปท.จริงจัง
'สมคิด'แนะไทยต้องปฏิรูปปท.จริงจัง
'สมคิด'แนะไทยปฏิรูปประเทศเข้าสู่'ยุคบูรพาภิวัฒน์'ชี้ปัญหาใหญ่ไทยยากจนลำดับ 12 ของโลก รับม็อบเกลื่อนถนนกระทบศก.ไทย ปัดวิจารณ์จำนำข้าวยันไม่หวนเล่นการเมืองเมื่อเวลา 09.00 น. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวบรรยายพิเศษในงานสัมมนาทางวิชาการวิทยาลัยการทัพสัมพันธ์ครั้งที่ 2/2556 เรื่อง บูรพาภิวัฒน์ ผลกระทบต่อประเทศไทยและยุทธศาสตร์ทหารของกองทัพไทย ตอนหนึ่งว่า ประเทศแรกที่เข้าสู่บูรพาภิวัฒน์ หลังผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ ญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นไม่ได้มุ่งเน้นทางทหารแล้ว แต่หันหน้าไปหาเศรษฐกิจ ผ่านการประสานระหว่างรัฐกับเอกชนของญี่ปุ่น และผลิตของใช้ผ่านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จนกลายเป็นรูปแบบในการก้าวไปสู่การพัฒนา จากนั้น ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ก็เติบโตตามมา โดยมีสหรัฐฯและกลุ่มยุโรป เป็นตลาดหลักในการรองรับสินค้า ถือเป็นกลุ่มแรกของลิตเติ้ลไทเกอร์ หรือ ลิตเติ้ลดราก้อน เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวมีความเข้มแข็งทางการเมือง ไม่เหมือนกลุ่มประเทศชุดหลังที่ตามมา อาทิ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่มีความเปราะบาง เพราะไม่สามารถพัฒนาทางการเมืองให้มีมาตรฐานได้ มีการคอร์รัปชั่นที่รุนแรง
จุดเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงที่สุด คือ กลุ่มเอเชีย เริ่มมีความคิดก้าวหน้าเพื่อความเป็นหนึ่ง โดยมีจีนเป็นผู้นำหลัก ทำให้อเมริกา และยุโรป เริ่มตกงาน เนื่องจากจีนมีต้นทุนการผลิตต่ำ หลายประเทศจึงมุ่งหน้าหาจีน และในที่สุดเอเชียก็กลายเป็นกลุ่มที่เริ่มมีอำนาจต่อรอง อเมริกาจึงหันมาให้ความสำคัญและช่วยเหลือกลุ่มอาเซียนมากขึ้น โดยมีเป้าหมายสกัดกั้นจีน ที่จะเติบใหญ่ในเอเชีย ขณะที่ฝ่ายอาเซียนก็ฉุกคิดว่า อเมริกาจะมาช่วยเพื่อวัตถุประสงค์ใด ในที่สุดจึงมีการรวมตัวเป็นอาเซียน+3 ซึ่งมีจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดก็ไม่ไว้วางใจจีน จึงเกิดอาเซียน+6 ขึ้นมา โดยดึงอินเดีย เข้ามาเป็นประเทศสำคัญ
“ปัญหาใหญ่ของไทย คือ ความยากจน ซึ่งไทยอยู่อันดับที่ 12 ของโลก โดยเฉพาะเกษตรกรที่มีความยากจน รวมทั้งข้าวมีคุณภาพต่ำ แต่จะโทษชาวนาไม่ได้ เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ระบบการชลประทาน อีกทั้ง มาตรการช่วยเหลือทั้งการประกันรายได้หรือการรับจำนำเป็นเพียงมาตรการระยะสั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนได้สำเร็จ ดังนั้นจะต้องมีการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง อาทิ การปฏิรูปสหกรณ์ การผลิต และการตลาด ที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่การมองระยะสั้น หวังเพียงแค่การเลือกตั้งครั้งหน้า ทำให้การแข่งขันด้อยลง ดังนั้น เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ การลงทุนต้องเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ศึกษาเทคโนโลยีและการวิจัยว่าจะทำอย่างไรให้มีมูลค่าที่สูงขึ้น โดยการเปิดประเทศอาเซียนนี้หากเราไม่เร่งดำเนินการก็จะเสียโอกาส อย่าคิดว่าประเทศเราอยู่ตรงกลางอาเซียน เพราะประเทศจีนและเกาหลีใต้นั้นมองเราไม่เหมือนเดิม เนื่องจากเขามีทางเลือกอื่น โดยมองประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เป็นประเทศสำรอง อย่างไรก็ตามเรื่องเศรษฐกิจเราต้องพยายามดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุด”นายสมคิด กล่าว
สำหรับด้านการเมืองในขณะนี้ประเทศอินโดนีเซียมีความโดดเด่นมากที่สุดในกลุ่มของอาเซียน เพราะมีมุมมองการเมืองที่เข้มแข็ง โดยตั้งแต่ปี 2540 ประเทศอินโดนีเซียได้มีการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง ทั้งการเมือง การเลือกตั้ง การคลัง และการทหาร แต่ยังเอาชนะเรื่องคอรัปชั่นไม่ได้ ส่วนประเทศพม่าพยายามเปิดประเทศให้เป็นสากลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไทยเคยเป็นผู้นำในอาเซียน แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน การเมืองภายในประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่มีประเทศใดอยากเข้ามาในประเทศที่วุ่นวาย แม้ว่าไทยจะอยู่ใจกลางอาเซียนก็ตาม การเมืองหากมองแค่การเอาชนะ กลายเป็นการเมืองระยะสั้น และประเทศจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ จากการเกิดบูรพาภิวัฒน์นั้น อาเซียนได้ให้โอกาสไทย แต่เราจะฉกฉวยโอกาสได้หรือไม่ อยู่ที่เรา รัฐบาล และประชาชน หากรู้จักคิด พื้นฐานเราแข็งแรงมาก ซึ่งจะต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ การเมืองไทยตอนนี้ชุมนุมกันบนท้องถนน เมื่อมีปัญหาก็เจอกันบนท้องถนน แต่อย่าทำให้สิ่งเหล่านี้ลุกลาม ทำอย่างไรจะลดช่องว่างตรงนี้ลงมา ซึ่งเราจะต้องมีความพอเพียง ไม่ประมาทและมีแบบแผนในการดำเนินการ
ปัดวิจารณ์จำนำข้าวยันไม่หวนเล่นการเมือง
นายสมคิด กล่าวถึงกรณีนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่มีปัญหาขณะนี้ว่า ไม่ขอวิจารณ์การแก้ไขปัญหาเรื่องข้าวของรัฐบาลในขณะนี้ เพราะตนได้พ้นออกมาจากการเมือง และไม่มีตำแหน่งใดๆทางการเมืองแล้ว แต่หากรัฐบาลคิดว่านโยบายที่ทำอยู่เป็นประโยชน์ และทำด้วยความบริสุทธิ์ใจก็ให้ดำเนินการ โดยขอให้ช่วยกันคิดและตั้งใจทำ อย่างไรก็ตามในส่วนของตนยืนยันว่าจะไม่กลับมาเล่นการเมืองอีก เพราะมีอายุมากแล้ว