"ยิ่งลักษณ์" กระชับความสัมพันธ์ "ไทย-มองโกเลีย" เล็งผลักดันภาคเอกชนไทย ลงทุน เหมืองแร่ ท่องเทียว

ผู้สื่อข่าวรายงาน ภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างการเยือนประเทศมองโกเลียอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 27-29 เมษายนนี้ ว่า (วันนี้ 28 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ 2 ในการเดินทาง นายกฯ เดินทางไปยังลานจัตุรัส ซัสบาทาร์ (Sukhbaatar) เพื่อร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการจาก นายนอรอวิง อัลทันคูยัค นายกรัฐมนตรีมองโกเลีย และได้ เข้าร่วมพิธีแสดงความเคารพอนุสาวรีย์เจงกิสข่าน ก่อนที่จะมีการหารือเต็มคณะร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายนอรอวิง ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงผลการหารือ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวขอบคุณที่รัฐบาลมองโกเลียให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และยินดีที่ได้เดินทางมาเยือนมองโกเลีย ในฐานะนายกฯไทยคนแรก รวมถึงรู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ภายใต้การเป็นเจ้าภาพของ และการได้หารือกับนายกฯมองโกเลีย ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างกัน พร้อมทั้งได้ชื่นชมความสำเร็จด้านเศรษฐกิจของมองโกเลีย ที่จะเป็นการเปิดประตูสู่การค้าและการลงทุนที่ ทั้งสองประเทศเห็นควรให้มีการขยายการค้าและการลงทุน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์เหมืองแร่ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและปศุวัตว์ ยานยนต์ ซึ่งรัฐบาลไทยสนับสนุนให้ภาคเอกชนไทยเข้ามาสำรวจความเป็นไปได้ในการลงทุนด้านเหมืองแร่ ท่องเที่ยว การเกษตร สาธารณสุข และพลังงานในมองโกเลีย
  น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า นายกฯมองโกเลียและตนเห็นพ้องร่วมกันในการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีหน้าจะครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ไทย-มองโกเลีย ในโอกาสนี้จึงได้เชิญนายกฯมองโกเลียเดินทางเยือนประเทศไทยในปีหน้า
  ทั้งนี้ นายกฯรัฐมนตรีทั้ง 2 ได้เป็นประธานการลงนามเอกสารความตกลง 3 ฉบับ ประกอบด้วย บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งมองโกเลียว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี, ความตกลงระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทย กับ กระทรวงศึกษาและวิทยาศาสตร์แห่งมองโกเลีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และบันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติมองโกเลียกับ สำนักงานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายซันดาคู เองค์โบลด์ ประธานรัฐสภามองโกเลีย ณ อาคาร State Palace  ซึ่ง นายกฯ และประธานรัฐสภาฯ เห็นพ้องส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับ เพื่อสร้างกลไกการปรึกษาหารือทั่วไป เพื่อวางกรอบความร่วมมือ และในฐานะสมาชิกรัฐสภา นายกฯ แสดงความยินดีที่ได้ทราบว่ามีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างรัฐสภาของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะผ่านกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภา นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะสร้างกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาสตรี ซึ่งประธานรัฐสภาไทยได้เชิญประธานรัฐสภามองโกเลียเยือนไทยแล้ว นอกจากนี้ นายกฯและประธานรัฐสภาฯ ต่างสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนสู่ประชาชน ซึ่งถือเป็นกุญแจในการกระชับความร่วมมือทวิภาคีของทั้งสองประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปยัง  พระราชวัง Marshal Palace เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะ นายชักเคีย แอลแบคดอร์จ (H.E. Mr. Tsakhia Elbegdorj) ประธานาธิบดีมองโกเลีย  ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวขอบคุณ สำหรับการเชิญเข้าร่วมการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ครั้งที่ 7 และเยือนมองโกเลียอย่างเป็นทางการ ซึ่ง ในโอกาสนี้ นายกฯแสดงความชื่นชม ที่ประธานาธิบดีทำให้เศรษฐกิจมองโกเลียฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และแม้ว่าการลงทุนจากต่างประเทศในมองโกเลียยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่ไทยหวังว่าหากประเด็นนี้ได้ข้อยุติ ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและการคุ้มครองการลงทุนกับไทยจะได้รับการพิจารณาจากมองโกเลีย ซึ่งประธานาธิบดีมองโกเลียแสดงการสนับสนุนในความตกลงนี้ เพราะจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนไทยในการเข้ามาลงทุนในมองโกเลีย โดนไทยและมองโกเลียมีค่านิยมและความเชื่อที่คล้ายกัน ซึ่งสามารถทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงภายในกรอบของ UN ในภูมิภาค และระหว่างประเทศ  นอกจากนี้ และมองโกเลียต่างยืนยันสนับสนุนความร่วมมือในกรอบ ACD และไทยยินดีสนับสนุนมองโกเลียเข้ามามีส่วนร่วมในกรอบอาเซียน รวมทั้ง การมีส่วนร่วมในการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS)
  ในโอกาสนี้ นายกฯได้แสดงความชื่นชมมองโกเลียสำหรับข้อริเริ่มตั้งกลุ่มการเป็นหุ้นส่วนเพื่อประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชีย (Asian Partnership Initiative for Democracy – APID)  และไทยกำลังพิจารณาการมีส่วนร่วมใน APID รวมทั้งศักยภาพของ APID ในการส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยในภูมิภาค โดยนายกฯได้ย้ำว่า การริเริ่มกรอบความร่วมมือต่างๆในภูมิภาคควรส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจะเป็นการรับประกันว่าความร่วมมือด้านประชาธิปไตยในภูมิภาคจะมีความยั่งยืน.

ขอขอบคุณ dailynews.co.th