แท็กซี่!!เชิดทรัพย์นักข่าวนอร์เวย์
แท็กซี่!!เชิดทรัพย์นักข่าวนอร์เวย์
แท็กซี่!!เชิดทรัพย์นักข่าวนอร์เวย์ : สายตรวจระวังภัย โดยทีมข่าวอาชญากรรม
ปี 2558 ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี แต่มาตรการการดูแลและป้องกันในบางจุดยังไม่รัดกุม จนไม่ทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรม "ภัยแท็กซี่" กับ "นักท่องเที่ยว" ที่จะเดินทางมาประเทศไทย เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดกับ "นักข่าวชาวนอร์เวย์" พร้อมเพื่อนๆ ที่มาเที่ยวเมืองไทย กลับถูกแท็กซี่โจรเชิดทรัพย์สิน
น.ส.ศสิพร เนตรน้อย เพื่อนนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ ร้องเรียนผ่านรายการ "โรงพักระวังภัย" โดยแฉพฤติการณ์เชิดทรัพย์สินของคนขับรถแท็กซี่ในพื้นที่ สน.พญาไท ว่า เพื่อนนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ 3 คน คือ Mr.Soreng Bjorn Ingolf อายุ 68 ปี Mr.Bring Eland Thor Bjarne อายุ 68 ปี และ Miss.Aukland Oddveig อายุ 57 ปี
น.ส.ศสิพร เล่าต่อว่า เมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อนทั้งสามคนไปเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง กระทั่งช่วงค่ำวันเดียวกัน ได้ว่าจ้างรถสามล้อให้ไปส่งร้านอาหารใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ก็ถึงร้าน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ได้เรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรม แต่ระหว่างทางนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ซื้อบุหรี่กับสิ่งของบางอย่าง จึงบอกคนขับรถแท็กซี่ให้จอดเพื่อซื้อของ แต่คนขับบอกว่าข้างหน้าวิ่งไปประมาณ 2-3 นาที ก็ถึงแล้ว
"พอไปถึงร้านทั้งสามคนก็ลงจากแท็กซี่ โดยวางทรัพย์สินกระเป๋าทั้งหมดไว้ในรถ พอซื้อของเสร็จ กลับออกมาก็ไม่เห็นรถแท็กซี่ ตอนแรกคิดว่าแท็กซี่ไปจอดจุดอื่น แล้วน่าจะวนรถกลับมารับจึงยืนรออยู่ตรงนั้น แต่ปรากฏว่าไม่มีแท็กซี่กลับมาอีกเลย เชื่อว่ารถแท็กซี่คงเชิดทรัพย์สินหนีไปแล้ว"
ทรัพย์สินของเพื่อนนักท่องเที่ยวที่สูญหาย ได้แก่ กล้องถ่ายรูป 2 ตัว เลนส์ซูม แบตเตอรี่กล้อง โทรศัพท์มือถือ และกรอบโทรศัพท์มือถือ 4 อัน กระเป๋า แว่นตา รวมมูลค่าเกือบ 1 แสนบาท
"ราคาสิ่งของไม่สำคัญเท่ากับเสียความรู้สึก เพื่อนนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์มาเที่ยวเมืองไทยแล้วต้องมาถูกหลอก ลักษณะคนขับรถแท็กซี่เป็นผู้ชายสูงผอม สีผิวน้ำตาลเข้ม ใบหน้าเรียวยาว ผมเกรียนสั้น คาดว่าอายุประมาณ 40-45 ปี ส่วนรถจำได้แต่เพียงสีชมพูเท่านั้น"
นอกจากเสียความรู้สึกจากแท็กซี่เชิดทรัพย์สินแล้ว ยังต้องมาเสียความรู้สึกกับการทำงานของตำรวจไทยด้วย !!!
น.ส.ศสิพร เล่าว่า หลังเกิดเหตุการณ์แล้วได้มีตำรวจสายตรวจ 1 นายผ่านมาพบพอดี เลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ตำรวจฟัง เพื่อให้พาไปแจ้งความที่ สน.พญาไท ตำรวจสายตรวจพูดรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง และถามว่านักท่องเที่ยวทั้งหมดพักที่ไหน พวกเขาบอกว่าพักโรงแรมย่านดอนเมือง
"ตำรวจบอกว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นผ่านมา 24 ชั่วโมงแล้ว ดิฉันก็บอกว่าไม่ใช่ เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นขอความช่วยเหลือให้พาไปแจ้งความหน่อย แต่เขาก็ไม่ยอมพาแจ้งความ กลับเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรมแทน ไม่น่าเชื่อว่าตำรวจจะทำแบบนี้ กระทั่งผู้จัดการโรงแรมได้พามาแจ้งความที่ สน.พญาไท แทน"
หลังจากเพื่อนชาวต่างชาติของ น.ส.ศสิพร ได้เข้าแจ้งความแล้ว ก็ไม่มีความคืบหน้าในการติดตามจับกุม หรือตามหาแท็กซี่คันก่อเหตุ ทั้งๆ ที่ถ้าจะทำจริงๆ สามารถตรวจกล้องวงจรปิดที่ตั้งอยู่ย่านนั้น น่าจะทราบเบาะแสแท็กซี่ แต่ตอนนี้ยังไม่ดำเนินการใดๆ ส่วนเพื่อนนักท่องเที่ยว 2 คน เดินทางกลับนอร์เวย์ไปแล้ว ยังเหลืออีก 1 คน พักผ่อนอยู่ที่พัทยา จ.ชลบุรี
คดีนี้ ร.ต.ท.อธิกภพ จันทร์โสดา ร้อยเวร สน.พญาไท เจ้าของคดี ชี้แจงว่า หลังรับแจ้งได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดละแวกใกล้เคียงเพื่อให้ทราบรถแท็กซี่ และหมายเลขทะเบียนของรถคันที่ก่อเหตุ เนื่องจากกล้องวงจรปิดที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ไม่เห็นรถแท็กซี่ จึงต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่จุดอื่นๆ
"พฤติกรมของรถแท็กซี่คันนี้จะคอยจอดรถรอรับผู้โดยสารชาวต่างชาติ เมื่อชาวต่างชาติขึ้นไปแล้วลงมาซื้อของพร้อมกันหมดทั้ง 3 คน ทำให้คนขับแท็กซี่ขับรถหนีไป การป้องกันที่ดีควรจำหมายเลขทะเบียนแท็กซี่ไว้หากเกิดเหตุสามารถติดตามจับกุมได้ง่าย" ร.ต.ท.อธิกภพ กล่าวในตอนท้าย
................................
(หมายเหตุ : แท็กซี่!!เชิดทรัพย์นักข่าวนอร์เวย์ : สายตรวจระวังภัย โดยทีมข่าวอาชญากรรม)