ฟันธง!เออีซี ดันเชียงรายขึ้นชั้นประตูสามเหลี่ยม เชื่อมจีน-อินเดีย-อาเซียน
เชียงราย
เชียงราย - การท่องเที่ยวเปิดห้องเวิร์กชอป เตรียมพร้อมรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อดีต รมว.ท่องเที่ยวฯขึ้นเวที ฟันธง เชียงรายสำคัญ อนาคตเป็นจุดเชื่อมโยงจีน-อินเดีย-อาเซียน
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า ระหว่างวันนี้ (14 มิ.ย.56)-17 มิ.ย.56 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย ได้จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน "วางแผนเชิงยุทธ์ติดอาวุธรับเออีซี" ณ ห้องประชุมดอยตุง โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ทเชียงราย อ.เมือง
โดยมีนายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการ ททท.เป็นประธานในพิธีเปิด และมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิไปทำการบรรยายหลายคน เช่น นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ,ม.ร.ว.ปิยฉัตร ฉัตรชัย และ น.ส.จุฑารัตน์ วิบุลสมัย ฯลฯ ท่ามกลางตัวแทนภาครัฐ เอกชนและประชาชนสนใจเข้ารับฟังร่วม 500 คน
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า การรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีของ 10 ประเทศในกลุ่มอาเซียนได้เลื่อนระยะเวลาออกไปอีกประมาณ 1 ปีหรือถึงวันที่ 31 ธ.ค.2558 เนื่องจากเห็นว่าบางประเทศยังไม่มีความพร้อม
ดังนั้น ประเทศไทย จึงมีเวลาในการเตรียมพร้อมเข้าสู่เออีซี แต่หากถามว่าประเทศไทยพร้อมหรือยังนั้น ตนเห็นว่าน่าจะพุ่งเป้ามาที่เชียงราย ว่ามีความพร้อมหรือยังมากกว่า เพราะจากภูมิศาสตร์แล้ว เชียงรายจะต้องมเตรียมความพร้อมมากกว่าประเทศไทยเสียอีก เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกันทั้งผ่านพม่าและ สปป.ลาว และจีนได้ทั้งทางบก-ทางแม่น้ำโขง
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า และเมื่อผ่านเส้นทางในพม่าก็จะเชื่อมไปถึงประเทศอินเดีย ดังนั้นเชียงราย จึงยังเป็นศูนย์กลางอาเซียนบวกอินเดีย และบวกจีนไปพร้อมๆ กันได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ราคาที่ดินในพื้นที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เคยพุ่งสูงในยุคปี 2532 ยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วก็ลดลง และนิ่งเงียบเรื่อยมา
กระทั่งในช่วง 10 ปีหลังมานี้กลับพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ปัจจัยสำคัญเกิดจากการเชื่อมโยงไทย-จีน โดยเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2555 ที่ผ่านมาก็มีการเชื่อมโยงสะพานไทย-สปป.ลาว-จีน กันที่ อ.เชียงของ มาแล้ว จุดนี้จะเชื่อมไปถึงด่านปาดังเบซาร์ที่ภาคใต้ในอนาคต
"คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้านอกจากจะมีการเชื่อมไทย-จีนดังกล่าวแล้ว เชียงราย จะมีศักยภาพในการเชื่อมไทย-จีน-อินเดีย และอาเซียนเข้าด้วยกันทั้งหมด ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก และระยะเวลา 10 ปีนี้ไม่ถือว่ายาวนานเลย บรรดานักศึกษาที่พึ่งเรียนอยู่ก็จะต้องออกมาเผชิญกับสถานการณ์นั้นแน่นอนจึงยังมีเวลาในการเตรียมตัวอยู่"
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้จีนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกอยู่แล้ว ส่วนอินเดียก็กำลังเติบโตขึ้น ดังนั้นเมื่อมีการเชื่อมจีน อินเดีย และอาเซียนเข้าด้วยกันจึงจะกลายเป็นสามเหลี่ยมเศรษฐกิจใหม่ของโลกที่มีอำนาจมหาศาล โดยเชียงราย จะมีบทบาทในด้านนี้อย่างมากในฐานะเมืองเชื่อม
อดีต รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวต่อว่า เมื่อมองในมุมย่อยลงมาคือ พม่า ยิ่งน่าสนใจ เพราะกำลังมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากพึ่งเปิดประเทศ และมีทรัพยากรมหาศาลทั้งภายในประเทศ และมหาสมุทรอินเดีย ทั่วโลกจับตามองพม่าแม้แต่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ยังเดินทางไปเยือนพม่า ตอนเข้ารับตำแหน่งใหม่ และที่สำคัญคือ จ.เชียงราย ก็มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับพม่าพอดีด้วย
นายวีระศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ตนเคยพิมพ์คำว่า Chiang-Rai ในกูเกิล พบศัพท์คำนี้ในกว่า 69.4 ล้านเว็บเพจ ขณะที่เชียงใหม่ มีแค่ 45 ล้านเว็บเพจ แม้แต่เมืองคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ก็มีระบุแค่ 12 ล้านเว็บเพจ และยูนนาน มี 26 ล้านเว็บเพจ ทั้ง 2 ชื่อนำมารวมกันยังไม่เท่าเชียงราย ขณะที่เมืองเสินเจิ้นมี 5.4 ล้านเว็บเพจ โกเด้ลไทรแองเกิ้ลหรือสามเหลี่ยมทองคำมี 26 ล้านเว็บเพจ
แต่ถ้าพิมพ์เป็นภาษาไทยเข้าไปพบว่า เชียงราย มีจำนวน 39 ล้านเว็บเพจขณะที่เชียงใหม่ มีจำนวน 130 ล้านเว็บเพจ แสดงให้เห็นว่าคนทั่วโลกตื่นตาตื่นใจกับ จ.เชียงราย มากกว่าแห่งอื่นๆ ขณะที่คนไทยให้ความตื่นตาตื่นใจกับเชียงราย น้อยอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสามารถดึงให้มากขึ้นได้
"ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลง และผลกระทบก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องเตรียมตัว ทั้งการรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งสภาพของเชียงรายเหมือนของทั้งประเทศคือ มีคนไทยเที่ยวไทยราว 80% ต่างประเทศ 20% แต่คงจะต้องมีสิ่งที่มากกว่าการท่องเที่ยวเสียแล้วจากความยิ่งใหญ่ของสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ดังนั้นทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือกัน ทั้งการอพยพเข้าไปของผู้คนต่างถิ่น ต่างด้าว คนไทยด้วยกันเอง ฯลฯ สะท้อนได้จากสถิติอุบัติเหตุที่เชียงราย มีเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศก็อาจจะมากขึ้นอีก การเข้มงวดกวดขันใช้กฎหมายก็ควรจะเข้มข้นตามมาเพื่อรองรับ เป็นต้น" นายวีระศักดิ์ กล่าว
ที่มา : http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrview.aspx?NewsID=9560000071814