ดันเส้นทางวธ.ไทย-มาเลย์มรดกโลกร่วม

               
               เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวภายหลังเป็นประธานการสัมมนาทางวิชาการ “จากนานามาลยรัฐสู่มาเลเซียและสิงคโปร์ที่เรารู้จัก” ว่า  ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 แล้วแต่เรายังรู้จักประเทศเพื่อนบ้านน้อยมาก การสัมมนาครั้งนี้จะทำให้เรารู้จักประเทศมาเลเชีย และสิงคโปร์มากขึ้น ซึ่งจากการปาฐกถาพิเศษของนายอิศร ปกมนตรี เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ เรื่อง มาเลเซีย-สิงคโปร์ที่เรารู้จักและควรรู้จัก ชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับ มาเลเซีย สิงคโปร์ค่อนข้างใกล้ชิดกันตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ผ่านรัฐต่างๆที่เคยอยู่ในการปกครองของไทย ต่อมาไปอยู่กับมาเลเซีย สิงคโปร์ 

               "จากนั้นเริ่มห่างเหินกันไปเพราะต้องติดต่อสัมพันธ์ผ่านประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ทางความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม ผู้ที่เข้าร่วมฟังจะได้องค์ความรู้นำไปใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ  โดยกรมศิลปากรจะมีการจัดสัมมนาในลักษณะเช่นนี้เพื่อขยายการให้ความรู้กลุ่มประเทศอาเซียน+3 และอาเซียน +6 เพื่อเปิดโลกทัศน์ความสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรมต่อไป" อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวและว่า 

               ที่ผ่านมากรมศิลปากรได้มีความร่วมมือทางด้านศิลปวัฒนธรรมกับประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์หลายด้าน อาทิ การพัฒนาเส้นทางวัฒนธรรมเป็นมรดกโลก เริ่มจากวัฒนธรรมศรีวิชัยไชยา - นครศรีธรรมราช - สทิงพระ - ยะรัง และ เคดาห์ ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากขณะนี้องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ให้ความสำคัญของการเป็นมรดกโลกร่วมมากขึ้น  หากไทยกับมาเลเซียผลักดันเรื่องนี้จริงจัง เส้นทางดังกล่าวน่าจะได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกได้อย่างแน่นอน
 
                ขณะนี้สำนักโบราณคดีอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล ขณะเดียวกันได้กำชับไปยังสำนักศิลปากรเขตพื้นที่รับผิดชอบให้ความรู้และขอความร่วมมือจากประชาชนท้องถิ่นด้วย นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และบุคลากรด้านศิลปะ การแสดง ดนตรี จดหมายเหตุแห่งชาติ หอสมุดแห่งชาติ โดยเฉพาะงานพัฒนาพิพิธภัณฑ์กรมศิลปากรได้หารือกับผู้บริหารพิพิธภัณฑ์สิงคโปร์จะจัดตั้งสหพันธ์พิพิธภัณฑ์ของประเทศในอาเซียนขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการบริหารจัดการ พัฒนาบุคคลกรระหว่างประเทศอาเซียน