คสช.ให้ความเป็นธรรมคนอยู่ ตปท. กลับไทย

“ประยุทธ์” ยัน คสช.เข้ามาปลดล็อคทางตันประเทศ วอนคนไทยให้ความร่วมมือ-ร่วมใจปฎิรูป หวังนานาชาติเข้าใจเปิดพื้นที่มิตรประเทศสนับสนุน คสช. ฟุ้งหลัง 22 พ.ค. แนวโน้มสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ วอนพวกอยู่ตปท.กลับไทย คสช.พร้อมให้ความเป็นธรรม

วันศุกร์ 18 กรกฎาคม 2557 เวลา 21:58 น.
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 18 ก.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ“คืนความสุขให้คนในชาติ”ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยกล่าวถึงสถานการณ์ต่างประเทศ ว่า อยากให้มิตรประเทศได้ร่วมกับเราในการปฏิรูปประเทศในครั้งนี้ว่า ขณะนี้ไทยจะพยายามกลับมาสร้างพื้นฐานความเป็นประชาธิปไตยที่มั่นคงซึ่งการควบคุมอำนาจของ คสช. ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะชี้แจงเหตุผลและความชอบธรรม เพราะมาตรฐานนานาชาติ ได้ถือเรื่องสิทธิมนุษยชนและระบอบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งกองทัพ มีความจำเป็นต้องเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ของประเทศเพื่อยุติการใช้ความรุนแรง หลีกเลี่ยงสถานการณ์นองเลือด สงครามกลางเมืองไว้ได้ ปัญหาต่าง ๆ ได้รับการคลี่คลายลงได้โดยเร็ว และลดความเดือดร้อนของประชาชนลงได้

“คสช.ไม่ต้องการคำชมเชย แต่ทำเพื่อปลดล็อคออกจากหนทางตีบตัน ไร้สภาพการบริหารประเทศที่ไม่มีประสิทธิภาพเป็นมาอย่างยาวนานกว่า 6 เดือน สิ่งที่เรากระทำไปไม่สูญเสียชีวิตคนไทย เป็นสิ่งที่เราต้องการ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยและมิตรประเทศทุกประเทศ จะช่วยกันมองไปสู่อนาคตและหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่เคยเกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาในอดีต ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไทยมีสถานะเป็นหุ้นส่วนสำคัญของมหาอำนาจต่าง ๆ ในโลก เป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอีกหลายประเทศในชาติตะวันตก เป็นหุ้นส่วนความร่วมมืออีกมากมาย ทั้งในระดับภูมิภาค และนานาชาติ ไม่อยากให้มิตรประเทศจำกัดบทบาท เชิงสร้างสรรค์ของทหารหรือ คสช. ในเวลานี้โดยขอให้ไทยยังคงมีส่วนร่วมในเวทีนานาชาติต่อไป ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อมิตรประเทศมากกว่าเดิมทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ในการเข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช. และ หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของ นางคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯยังจะคงดำเนินการต่อไปอย่างราบรื่นขณะที่จีนได้ ยืนยันความสัมพันธ์อันดีกับไทย โดยจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของไทย และเชื่อมั่นว่าไทยมีความสำคัญต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอาเซียน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า คนไทยต่างมีความหวังที่จะเห็นอนาคตที่ดีของประเทศ หวังคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งขึ้น โดยให้กระบวนการปฏิรูปเข้ามามีส่วนช่วยแก้ไขสิ่งที่เราล้มเหลวมาในอดีต ทั้งนี้การปฏิรูปในระยะต่อไป จะเน้นเรื่องการปฏิรูปการเมือง การต่อต้านคอร์รับชั่น ระบบธรรมาภิบาล ตลอดจนการปฏิรูปใน11ด้าน เหล่านี้น่าจะทำให้มิตรประเทศพอใจอยากให้สนับสนุนการทำงานของ คสช. โดยมีพื้นที่ที่มิตรประเทศจะให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น และเอื้อเฟื้อ วันนี้ หากเราช่วยกันตั้งเสาหลักแห่งประชาธิปไตยของไทยให้มั่นคง ย่อมดีกว่าการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะการเรียกร้องแต่เพียงการเลือกตั้งให้ได้โดยเร็ว และอยากให้สังเกตเมื่อกองทัพเข้ามาได้มีเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในทางที่ดีขึ้น หลังวันที่22พ.ค.2557ที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปฏิรูปของประเทศไทยในขั้นที่2จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยขณะนี้ คสช. ได้เปิดโอกาสให้ทุกส่วนได้มาแสดงความคิดเห็น และสมาชิกปฏิรูปนั้นจะต้องสมัครเข้ามา ใครที่ยังไม่ได้เตรียมการต้องรีบเมื่อเปิดการรับสมัครก็กรุณาสมัครเข้ามา ดีกว่าออกมาพูดในขณะนี้ มีแต่จะสร้างความแตกแยกให้กับสังคมต่อไป และแสดงให้เห็นว่า ท่านไม่ได้มีความต้องการจริงที่จะปฏิรูปประเทศทั้งนี้การสั่งให้ชะลอการจัดการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกไปโดยใช้กระบวนการสรรหาไปพลางก่อน เนื่องจากยังไม่ไม่ได้ข้อสรุปการปฏิรูปที่ชัดเจนการเลือกตั้งอาจเป็นประเด็นไปสู่ความขัดแย้งได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การดูแลในรูปแบบของรัฐสวัสดิการเช่น การรักษาพยาบาล30บาท ยังคงดำเนินการอยู่ ในแผนการดำเนินการปี2558ยังมีอยู่และจะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะการพูดอะไรก็ตามอย่าไปรับฟังให้มากนัก เพราะจะทำให้เกิดความสับสนในเวลานี้ อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายงบประมาณในเรื่องประชานิยม โดยไม่จำเป็นจะมีการทบทวนทั้งหมด สำหรับความคืบหน้าการขับเคลื่อนงานของ คสช.ในด้านเศรษฐกิจได้จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี2558เรียบร้อยแล้ว โดย คสช. เห็นชอบวงเงินงบประมาณ 2.575ล้านล้านบาททั้งนี้การวางแผนในเรื่องงบประมาณ ให้มีการบูรณาการจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้น ๆ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง เชื่อมโยง ลดการใช้จ่ายงบประมาณที่เป็นการซ้ำซ้อน ให้คำนึงถึงความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คสช. ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยเพิ่มวงเงินให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งประสบปัญหาบุคลากรไม่เพียงพอในการดำเนินการกับคดีความต่าง ๆ ที่คั่งค้างอยู่เป็นจำนวนมาก โดยได้อนุมัติอัตรากำลังพลเพิ่มเติมมากกว่า700อัตรา เป็นงบประมาณเพิ่มขึ้นกว่า300ล้านบาท ให้กับ ป.ป.ช. สำหรับเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคม นั้น ได้มอบหมายให้ หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาโครงการสำคัญเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่ปีงบประมาณ2558ส่วนใดที่มีความพร้อมให้เริ่มดำเนินการไปก่อน ในส่วนโครงการรถไฟทางคู่นั้น ให้พิจารณาถึงอนาคต ที่จะต้องรองรับการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งการเชื่อมต่อกับประเทศจีน การพัฒนาจุดเชื่อมต่อทางลอดต่าง ๆ เพื่อให้ขบวนรถไฟวิ่งได้อย่างต่อเนื่อง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาเสนอร่าง พ.ร.บ. ทวงถามหนี้ เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบทำให้เกิดการทวงถามหนี้ที่ไม่เหมาะสม ซึ่ง คสช. จะนำเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว ได้ทันทีหลังมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติสำหรับเรื่องข้าว และผลิตผลการเกษตรอื่น ๆได้พิจารณามาตรการสำรองไว้เผื่อแล้ว สำหรับชาวนา ชาวไร่ และผลิตผลการเกษตรอื่น ๆ หากมีความจำเป็นในระยะต่อไปส่วนการตรวจสอบข้าวตามโกดังสินค้า และการตรวจสอบข้อเท็จจริงของบริษัทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งการระบายข้าวในประเทศ ต่างประเทศ ได้พบว่ามีความไม่ชอบมาพากลอยู่หลายเรื่อง ทั้งความโปร่งใสและมาตรฐาน ซึ่งคสช. กำลังนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อาจจะเป็นแพ่ง หรืออาญา ซึ่งแล้วแต่ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าสำหรับเรื่องการแอบอ้าง คสช. ในการเข้ามาจัดซื้อจัดจ้าง ในโครงการของรัฐ เช่น เรื่องบริหารจัดการน้ำ การขุดลอกคูคลอง หรือการทำกิจการอื่นใดก็ดีของทุกกระทรวง ทบวง กรม ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น คสช. ยืนยันว่า ไม่ได้มอบหมายใครไปดำเนินการทั้งสิ้น อย่าให้ใครไปแอบอ้างผลประโยชน์โดยเด็ดขาด ให้แจ้ง คสช. ทันทีเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะปัจจุบันมีข่าวว่าการก่อสร้างในท้องถิ่นนั้น มีนายหน้าไป เพื่อจะเรียกร้องผลประโยชน์ และก็บวกให้ คสช. ด้วย เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดเจ้าหน้าที่ ไปตรวจสอบ และให้มีผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจนในทุกจังหวัด ทุกอำเภอ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าสำหรับเรื่องการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลนั้น ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว หัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ ร่วมกับปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแผนในการปรับปรุงในภาพรวม ทั้งบริเวณทำเนียบรัฐบาล ตึกสันติไมตรี อาคารในพื้นที่ของทำเนียบรัฐบาลทั้งหมด รวมทั้งบริเวณบ้านพิษณุโลก ซึ่งมีอาคารโบราณสถานอันงดงาม และมีความชำรุดทรุดโทรม โดยใช้งบประมาณของ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ในงบประมาณปี2557ซึ่งมีอยู่แล้วเดิม ไม่ใช่เป็นการปรับปรุงฮวงจุ้ย หรืออะไรก็แล้วแต่ตามที่ทุกคนได้พูด หรือวิจารณ์กันในปัจจุบัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าเรื่องการปฏิรูปตำรวจ ปัจจุบันยังคงทำงานในกรอบโครงสร้างเดิมอยู่ และจะนำไปสู่การปฏิรูปในระยะที่2ซึ่งจะต้องรับฟังความคิดเห็นจากหลาย ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สำหรับการปรับ คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.)คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ( ก.ต.ร.) เป็นการชั่วคราวเท่านั้น เพื่อดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรี เกียรติยศของตำรวจ กรณีที่มีคำครหาที่ไม่ให้ความเป็นธรรมในการแต่งตั้ง ทั้งนี้ คสช. จะไม่เข้าไปก้าวก่าย หรือแต่งตั้งใด ๆ ทั้งสิ้น ให้เป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ ช่วงนี้เป็นยุคเปลี่ยนผ่าน และ คสช. ให้ความสำคัญกับหน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นกรณีพิเศษ มิได้มุ่งหวังไปทำลายเกียรติยศ ชื่อเสียง หรือทำลายองค์กรตำรวจแต่อย่างใด หลักการก็ใช้หลักการเดียวกันกับการแต่งตั้งข้าราชการทหาร ที่ผู้บังคับบัญชาต้องแต่งตั้งขึ้นมาตามลำดับชั้น และ ผบ.ตร. จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบกับผลดีและผลเสียกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ กรณีที่ปลัดกระทรวงกลาโหมเข้าไปอยู่ในคณะนั้น เพื่อจะตรวจสอบความโปร่งใส และเป็นประจักษ์พยานเท่านั้น

วอนพวกอยู่ต่างประเทศกลับไทย

“คสช. ทราบดีถึงความห่วงใย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทั้งสนับสนุนและไม่สนับสนุน การปฏิบัติของ คสช. แต่อยากจะพูดให้ทุกคนได้เข้าใจ และขอให้ทุกคนได้ร่วมมือกัน ในการแก้ปัญหาของประเทศชาติให้ลุล่วงในระยะเวลาอันรวดเร็ว ย่อมจะดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ถ้าเราปล่อยปะละเลยกัน ไม่ร่วมมือกัน หรือปล่อยให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิม ก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก อย่างไรก็ตามผมคิดว่าสิ่งที่ทำวันนี้ ผมกลั่นกรองมาจากหลายภาคส่วนด้วยกัน ฉะนั้นประชาชนทั้งประเทศ ส่วนใหญ่เป็นกำลังใจให้กับเราในการทำหน้าที่ในขณะนี้ ลองไปตัดสินใจดูอีกครั้ง ผู้ที่ยังอยู่ต่างประเทศก็กลับมาเถิด คสช. จะให้ความเป็นธรรม เราจะต่อสู้กันไปทำไม ถ้าเรากลับมาร่วมมือกัน ผมคิดว่าคนไทยต้องให้อภัยกันอยู่แล้ว กรุณากลับมา เราจะขัดแย้งกันต่อไปไม่ได้ ต้องร่วมมือร่วมใจกัน นำพาประเทศชาติไปสู่อนาคตที่ดีในวันข้างหน้า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา12ส.ค. มหาราชินี ที่จะมาถึงในเดือนหน้า เป็นโอกาสที่ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าจะได้ร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งนี้ คสช. ได้จัดเตรียมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติต่าง ๆ หลายกิจกรรม ระหว่างวันที่8 – 13ส.ค.2557ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าและท้องสนามหลวง โดยในวันที่12ส.ค. จะมีพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร บริเวณท้องสนามหลวง และในพื้นที่ของทุกจังหวัด มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก ขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดีในโอกาสมหามงคลนี้..