ทบ.แจงกองทัพสหรัฐยันฝึกร่วมไทยทุกด้าน
ทบ.แจงกองทัพสหรัฐยันฝึกร่วมไทยทุกด้าน ทบ.แจงกองทัพสหรัฐยันฝึกร่วมไทยทุกด้านเป็นไปตามโปรแกรมเดิม ทูตกาตาร์ชมคสช.สร้างสงบสุขให้ปชช.
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 4 ก.ค.2557 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (หน.คสช.) เป็นประธาน การประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ประจำเดือนกรกฎาคม ก่อนการประชุมได้มีพิธีมอบถ้วยรางวัล พิธีมอบโล่จากการแข่งขันยิงปืนมาตรฐานของ ทบ. ประจำปี 2557 การแข่งขันกีฬากองทัพไทย ครั้งที่ 47 ประจำปี 2557การแข่งขันกีฬาสโมสร ประจำปี 2557 และพิธีมอบเงินสงเคราะห์บุตร ที่มีความต้องการพิเศษของกำลังพล ในสังกัด ทบ.
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุม ว่า ทบ. ยังคงจัดการฝึกอบรมร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ และออสเตรเลีย อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีการฝึกอบรมในช่วงเดือน พ.ค. – มิ.ย.57 จำนวน 2 ครั้ง ได้แก่ 1. การฝึกอบรมแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการต่อต้านเครือข่ายวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง (C-IED/Attack the Network (ATN) 2014) ระหว่าง 29 พ.ค. – 6 มิ.ย.57 ณ โรงเรียนข่าวกรมข่าวทหารบก เป็นการฝึกร่วมระหว่างกองทัพบกไทยและกองทัพสหรัฐอเมริกา ในลักษณะการบรรยายให้ความรู้และฝึกเป็นกลุ่มย่อย เนื้อหาเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่กระจายอุปกรณ์ประกอบระเบิด การผสานขีดความสามารถของหน่วยงานด้านความมั่นคงในการแก้ปัญหา การวิเคราะห์เครือข่ายวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง พื้นฐานการวิเคราะห์ข้อมูลทางชีวภาพและนิติวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการบรรยายในเรื่อง เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามจากระเบิดแสวงเครื่อง ในพื้นที่ จชต. เปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ของโลก
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า 2. การอบรมหลักสูตรการจัดเตรียม สนามรบด้านการข่าว สำหรับงาน ป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ เป็นการฝึกระหว่างกองทัพบกไทยกับกองทัพบก ออสเตรเลีย จัดขึ้นระหว่าง 9 – 20 มิ.ย.57 ณ โรงเรียนข่าวกรมข่าวทหารบก โดยมี จนท. จากศูนย์ฝึกข่าวกรองกลาโหม ประเทศออสเตรเลีย เข้าร่วม ซึ่งการฝึกในครั้งนี้ เพื่อนำความรู้ในเรื่อง Intelligence Pretaration of the Battle space (IPB)ในการรบตามแบบ มาประยุกต์ใช้ในการกำหนดหนทางปฏิบัติของฝ่ายตรงข้าม ทำให้สามารถนำวิธีการวิเคราะห์แบบต่าง ๆ มาใช้ร่วมกันเพื่อกำหนดหนทางปฏิบัติจากภัยคุกคามได้ ซึ่งกิจกรรมทั้งสองเป็นไปตามกรอบความร่วมมือระหว่าง กองทัพไทย กองทัพบกสหรัฐอเมริกา และ กองทัพบกออสเตรเลีย ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากการแสดงท่าทีต่อสถานการณ์ในไทย เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความปลอดภัยและความมั่นคงในภูมิภาค
รองโฆษกกองทัพยก กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีการฝึกตามหลักสูตรการฝึกตามที่ได้มีการวางแผนร่วมกันกับสหรัฐฯ และออสเตรเลียไว้แล้ว เช่น กับทางสหรัฐฯ ทางกรมข่าวทหารบก รายงานว่า ยังมีการฝึกด้านยุทธการ ภายใต้รหัส คอบร้าโกลด์ บาล๊านซ์ ทอช และ หนุมาน การ์เดี้ยน ถือเป็นความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับสหรัฐฯ ส่วนการฝึกเรื่องการส่งกำลังบำรุง เป็นการฝึกแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกองทัพบก กับกองกำลังทางบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิค ที่ยังคงมีการดำเนินการอยู่ รวมถึงการฝึกและแลกเปลี่ยนการข่าวด้านกิจการพลเรือน หรือการสนับสนุนกิจการด้านงบประมาณ ตามกิจกรรมของสหรัฐด้วย อีกทั้ง การประชุมสัมมนาเวทีใหญ่ๆ เช่นการประชุมสัมมนา การบริหารงานกองทัพบกภาคพื้นแปซิฟิค หรือ แพม การประชุมผู้บัญชาการทหารบกภูมิภาคแปซิฟิคก็ยังคงเดินหน้าต่อไป สำหรับประเทศออสเตรเลียถือว่า ร้อยละ 90 ถือว่าความร่วมมือด้านการทหารยังคงปฏิบัติเช่นเดิม
หน.คสช.ขอบคุณกำลังพลทุ่มเททำงานดูแลบ้านเมือง
พ.อ.หญิง กล่าวภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.)ว่า ผบ.ทบ. ได้กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ในการดูแลบ้านเมือง และดูแลให้ประชาชนปลอดภัย ภูมิใจที่กำลังพลทุกคนให้เกียรติผบ.ทบ. ปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัดในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และมั่นใจว่าทุกคนจะช่วยทำให้สถานการณ์ของประเทศผ่านไปด้วยดี กองทัพบกเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ดำเนินการตามนโยบายของ คสช. ในเรื่องดูแลความมั่นคง ความปลอดภัยของประชาชน และคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ จึงขอให้กำลังพลมีความอดทน อดกลั้น ปฏิบัติงานด้วยความสุภาพภายใต้กรอบกฎหมาย และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า หัวหน้า คสช. ได้อธิบายโครงสร้างการบริหารของ คสช. ที่ประกอบด้วยฝ่ายต่างๆ พร้อมย้ำการดำเนินการทุกอย่างอยู่บนเหตุผล ความจำเป็น และความเร่งด่วนของปัญหา เป็นการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการใช้อำนาจที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งการขับเคลื่อนงานราชการได้รับความร่วมมือจากทุกส่วนราชการเป็นอย่างดีได้ปลดล็อกปัญหาของประเทศในหลายเรื่อง อาทิ การช่วยเหลือเกษตรกร ชาวนา การบริหารจัดการน้ำ การดำเนินการตามงบประมาณปี 57 และการจัดสรรงบประมาณในปี 58 การแก้ไขปัญหาอาวุธสงคราม ยาเสพติด และการลอบตัดไม้ แก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ปัญหาสลากกินแบ่ง เป็นต้น ซึ่งถือเป็นภาระและหน้าที่ที่ทุกคนจะต้องร่วมกันทำให้สำเร็จ
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า ผบ.ทบ. ได้ย้ำให้กองกำลังชายแดนของกองทัพบก ให้การสนับสนุนตามนโยบาย คสช. ในเรื่องการดำเนินการแรงงานต่างด้าว ทั้งด้านการอำนวยความสะดวกให้กับแรงงาน การคัดกรองสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดน การสนับสนุนศูนย์ประสานรับแรงงานกัมพูชากลับเข้าทำงานใน 4 พื้นที่ คือ ด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์, ด่านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว, ด่านผักกาด จังหวัดจันทบุรี, ด่านแหลมงอบ จังหวัดตราด นอกจากนี้ให้กองทัพภาคจัดทำบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าวที่เป็นแรงงานประจำบ้าน เพื่อเป็นข้อมูลประสานให้กับนายจ้างที่มีความต้องการว่าจ้างแรงงานประเภทดังกล่าวต่อไป
นอกจากนี้ ให้ทุกกองทัพภาคเร่งดำเนินการติดตาม ตรวจสอบและจับกุม เกี่ยวกับอาวุธสงคราม การตัดไม้ทำลายป่าที่มีลักษณะเป็นขบวนการมีนายทุนอยู่เบื้องหลัง และการบุกรุกป่า ให้ดำเนินการโดยเร็ว ขจัดนายทุน และเข้าตรวจค้นพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติในทุกพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือประชาชนอย่างทันเหตุการณ์ สำหรับการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ประสบภัยให้ร่วมกับส่วนราชการที่รับผิดชอบ ประเมินความเสียหาย และขอรับการสนับสนุนงบประมาณ รวมถึงการเยียวยาให้ตรงกับความเป็นจริง ทั่วถึง และตรวจสอบได้ สำหรับการขุดลอกและพัฒนาแหล่งน้ำที่ ทบ. โดยหน่วยทหารช่างได้รับมอบจาก คสช. นั้นให้ประสานงานกับส่วนราชการท้องถิ่น และชุมชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การขุดลอกเป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และสามารถสร้างแหล่งกักเก็บน้ำ เพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
ทูตกาตาร์ชื่นชมคสช.สร้างความสงบสุขปชช.
เมื่อเวลา 17.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.ท.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ และที่ปรึกษาหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่วนกองทัพอากาศ กล่าวว่า ในวันนี้ (4 ก.ค.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะรองหัวหน้าคสช. ดูแลฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ให้การต้อนรับนายญะบัร อะลี เอช.เอ.อัดเดาะซะรีย์ เอกอัครราชทูตรัฐกาตาร์ประจำประเทศไทย และคณะที่เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับรัฐกาตาร์
พล.อ.ท.มณฑล กล่าวว่า เอกอัครราชทูตกาตาร์ฯ ได้ระบุว่าผู้นำรัฐกาตาร์ได้ฝากแสดงความชื่นชมมายังคสช.ที่ได้เข้ามาสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นกับประชาชน พร้อมทั้งได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศไทยกับกาตาร์ ส่วนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจนั้น กาตาร์พร้อมที่จะช่วยเหลือสนับสนุนประเทศไทยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะทางด้านพลังงานซึ่งกาตาร์เป็นประเทศที่มีความเชี่ยวชาญและมีแหล่งพลังงานเป็นจำนวนมาก รวมถึงอยากพัฒนาการติดต่อทางด้านการค้า การลงทุนให้มากขึ้น เนื่องจากกาตาร์ให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง ชาวกาตาร์นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนและรักษาพยาบาลในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จึงอยากพัฒนาความสัมพันธ์ในทุกระดับทั้งในส่วนของรัฐบาล การทหาร และการเศรษฐกิจในทุก ๆ ด้าน
“ในการนี้ผบ.ทอ.ได้กล่าวขอบคุณผู้นำรัฐกาตาร์ที่เข้าใจในสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย พร้อมทั้งได้อธิบายถึงขั้นตอนในการดำเนินการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ดำเนินการในห้วงเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันและสิ่งที่จะดำเนินการต่อไป เพื่อที่จะให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ในที่สุด ในส่วนของการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างกันนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และเห็นด้วยที่จะได้มีความร่วมมือระหว่างกัน พร้อมทั้งเชิญชวนชาวกาตาร์ เดินทางมาประเทศไทย ซึ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างที่พร้อมจะอำนวยความสะดวกสบายให้นอกเหนือไปจากการบริการทางด้านการรักษาพยาบาล” พล.อ.ท.มณฑล กล่าว
เผยคสช.คงอำนาจคู่รัฐบาลบริหารประเทศถึงเลือกตั้ง
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวถึงการหารือระหว่างคณะ คสช.กับนายวิษณุ เครืองาม เกี่ยวกับความคืบหน้าร่าง รธน.ชั่วคราว ว่า เรื่องการพูดคุย เป็นเรื่องภายในและยังไม่แล้วเสร็จ ทราบเพียงว่า ส่วนที่กำลังดำเนินการใช้ชื่อว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องของผู้ที่รับผิดชอบและฝ่ายกฎหมายจะไปตรวจสอบและปรับแก้ไขเพื่อที่จะนำมาพูดคุยกันก่อนจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รธน.ชั่วคราวมี 45 มาตราใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ประมาณนั้น ส่วนความพึงพอใจต่อ รธน.ชั่วคราว นั้นตนยังไม่ได้ดูรายละเอียดจึงตอบไม่ได้ ซึ่งได้ฟังแต่หลักการ จากนายวิษณุ
ต่อข้อถามที่ว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาล คสช.จะยังมีอำนาจหรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ในหลักการจะมี สนช. สปช. ครม.และคสช. ซึ่งจะทำงานร่วมกัน ถือเป็นหลักการในรายละเอียด ซึ่งยังต้องปรับปรุงแก้ไข
“คสช.ยังคงอยู่และต้องช่วยกันทำงานต่อไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยทำหน้าที่ร่วมกัน ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามโรดแมพของหัวหน้า คสช. ระยะที่ 2 มีการร่าง รธน.ปกครองประเทศชั่วคราว ก็จะมีการตั้ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช. )คณะรัฐมนตรี (ครม. )สภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยทำงานร่วมกับคสช. ที่ยังคงดำรงอยู่ และทำงานคู่ขนานกันไปจนกว่าจะหมดหน้าที่”พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
เมื่อถามว่า จะซ้ำซ้อนเรื่องการใช้อำนาจของคสช.และรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด ส่วน รธน.ชั่วคราวจะบัญญัติการนิรโทษกรรม ให้ คสช.หรือไม่นั้น ตนยังไม่เห็น เพียงแต่ นายวิษณุ พูดในหลักการให้ฟัง เพื่อให้ คสช.ออกความคิดเห็นว่ามีข้อห่วงใยอะไรบ้าง เพื่อนำไปปรับปรุง เพื่อทำให้เกิดฉบับสมบูรณ์ เมื่อมีการปฎิรูปเสร็จแล้ว ก็จะมีรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ก่อนจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปตามโรดแมพ คสช. อยากให้รอกันอีกนิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องว่า คสช.มีแนวคิดไม่ทำประชามติ รธน.58 จะเกิดปัญหาหรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ในรายละเอียดยังไม่พูดเรื่องนี้ ส่วนที่มีการเสนอทางเลือกให้ คสช. เรื่องทำประชามติ กับไม่ทำประชามติ จะเลือกแนวทางไหน พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ยังไม่ได้ข้อสรุป และยังไม่ได้กำหนดวันที่จะมาหารือเรื่อง รธน.ชั่วคราวอีกเมื่อไหร่
ผู้สื่อข่าวถามว่า หัวหน้าคสช.ได้ให้ข้อคิดเห็นเสนอแนะอย่างไรบ้าง พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ท่านรับฟังเฉย ๆ ไม่ได้ให้ข้อคิดเห็น โดยท่านบอกว่า ช่วยกันปรับปรุงแก้ไข แล้วค่อยทำให้เสร็จเรียบร้อย ส่วนประเด็นที่ คสช.ห่วงใยนั้น เป็นความลับ
ผบ.ทหารสูงสุดพม่าให้กำลังหัวหน้าคสช.แก้ปัญหาชาติ
พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้การต้อนรับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาร์ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกองบัญชาการกองทัพไทย ทั้งนี้ได้มีการหารือถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงสถานการณ์การเมืองไทย โดย พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ได้กล่าวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ทางพม่าได้เข้าใจสถานการณ์ภายในประเทศไทยเป็นอย่างดี และปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องภายในของประเทศไทย ดังนั้นอยากให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาภายในของประเทศไทยให้สำเร็จ โดยการดำเนินการตามโรดแม็พที่ทาง คสช.ได้วางเอาไว้ ซึ่งกองทัพพม่ายินดีที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนพม่า-ไทยให้เกิดความเรียบร้อย
พ.อ.วีรชน กล่าวว่า ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ที่เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศไทย รวมถึงการอธิบายแนวทางโนบายการทำงานทั้งด้านการต่างประเทศ โดยทางประเทศไทยให้ความสำคัญกับการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ซึ่งยินดีที่จะสนับสนุนประเทศในแถบอาเซียน ในฐานะที่ประเทศพม่าเป็นประธานอาเซียน ขณะเดียวกันการต่างประเทศได้เน้นการร่วมมือกับมิตรประเทศ และจะร่วมมือทุกด้าน ซึ่งที่ผ่านมาไทย-พม่ามีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด ทำให้ปัญหาตามแนวชายแดนเกิดความสงบเรียบร้อย นอกจากนี้จะมีการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณตามแนวชายแดน และในอนาคตจะมีการตั้งศูนย์เศรษฐกิจพิเศษเพื่อมาดูแลรายละเอียดตามแนวชายแดน และแรงงานในพื้นที่
คมชัดลึก
- องค์กรสิทธิฯประสานเสียงร้องให้ปล่อยตัว14นักศึกษา หลังถูกขังเรือนจำ กลุ่มปชต.ใหม่แถลงสู้ต่อ
- “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” ทรงเป็นประธาน ในพิธีไหว้ครูและพระราชทานเหรียญรางวัลการศึกษาแก่นักเรียนนายร้อยประจำปีการศึกษา
- “รมว.พลังงาน” จ่อขยับภาษีแอลพีจีภาคขนส่ง
- สหรัฐพร้อมช่วยชาติในอาเซียนรับภาระผู้อพยพ
- “ททท.”ชี้คนจีนแห่เที่ยวไทย-คาดปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6ล้านคน