“ชัชชาติ” ย้ำ ต้องเร่งให้มีรัฐบาลชุดใหม่ เรียกความมั่นใจนักลงทุน

        วันนี้ (28 เม.ย. 2557) “ชัชชาติ” หวั่น ปัญหาการเมือง กระทบการจัดทำงบปี 58 ย้ำ ต้องเร่งให้มีรัฐบาลชุดใหม่ เรียกความมั่นใจนักลงทุน ก่อนประเทศเพื่อนบ้านแซงหน้า

        ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จ.ปทุมธานี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ในการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2558 นั้น มีเรื่องของงบประมาณการลงทุนด้วย ซึ่งต้องรอให้มีรัฐบาลชุดใหม่มาดำเนินการตรงนี้ แต่ขณะนี้เรายังไม่ได้รัฐบาลชุดใหม่มาบริหารประเทศ จึงส่งผลให้การดำเนินโครงการต่างๆ ต้องหยุดชะงัก ทำให้เกิดปัญหาต่อเศรษฐกิจภาพรวม และส่งผลกระทบถึงระดับรากหญ้า อาทิ แรงงาน ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) เป็นต้น จึงจำเป็นที่ต้องมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นจะทำให้โครงการต่างๆต้องหยุดชะงัก

        ทั้งนี้แม้สามารถประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2558 แต่ถ้ายังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา จะทำให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้แค่ส่วนที่จำเป็น อาทิ งบประมาณรายจ่ายเงินเดือน ค่าใช้จ่ายปกติ เป็นต้น แต่งบประมาณการลงทุนเพื่อการก่อสร้างด้านคมนาคม ประมาณ 1 แสนล้านบาท ต้องถูกชะลอไว้ก่อน อีกทั้ง การดำเนินโครงการขนาดใหญ่(เมกะโปรเจกต์) ซึ่งรวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่ตอนนี้มีความพร้อมแล้ว ต้องรอการอนุมัติจากรัฐบาลชุดใหม่ด้วยเช่นกัน เราจึงต้องพยายามเร่งรัดให้มีรัฐบาลชุดใหม่ตามระบอบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นจะทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมมีปัญหา

        นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ตนได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตของหลายประเทศ จึงทำให้ทราบว่าเขามีความกังวล และเห็นผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงเรื่องของเม็ดเงินลงทุนที่ยังไม่ลงไป ตลอดจนความไม่แน่นอน และความไม่มั่นใจของนักลงทุน โดยผู้ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยต้องพิจารณาว่าอนาคตในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของไทยจะไปในทิศทางใด

        อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการคมนาคมของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา ทำให้ต้องหาวิธีอื่น ซึ่งต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เข้าทำตรงนี้เช่นกัน และทำให้งบลงทุนในร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ต้องถูกบรรจุใน พ.ร.บ.งบประมาณฯ ดังนั้น เราต้องเร่งรัดให้มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพื่อเรียกความมั่นใจของนักลงทุนจากต่างประเทศ เพราะเขากำลังจับตามองตรงนี้ และที่สำคัญ ประเทศเพื่อนบ้านของไทยมีความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ขณะเดียวกัน นักลงทุนไม่ได้มองแค่ประเทศไทย แต่ยังมองถึงประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งส่วนรวมต้องช่วยกันดูว่าจะเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะเสียไปหรือไม่.