'สมพร'ผนึก5จว.ชายแดนใต้ รองรับเออีซี
สงขลา
ประธานหอการค้าสงขลาคนใหม่ "สมพร สิริโปราณานนท์" กับภารกิจ ผนึก 5 จังหวัดชายแดนใต้ รองรับศูนย์กลางเออีซี
การเตรียมความพร้อมรับมือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ปี 2558 ในฐานะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จำเป็นต้องร่วมมือกับ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน และการส่งออกในอาเซียน จึงต้องมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน สมพร สิริโปราณานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลาคนใหม่ กล่าวว่าการรวมตัวขององค์กรภาคเอกชนให้เป็นองค์รวม เพื่อแสดงจุดยืนการเป็นเมืองท่า และดึงเอาศักยภาพความแข็งแกร่งของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาหลอมรวม เพื่อก้าวไปสู่การเป็น ศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
"หากมองในมิติความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของหอการค้าใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล จะเห็นว่ามีความพร้อมครอบคลุมทุกด้านที่จะก้าวสู่เมืองหลวงเออีซี" สมพร กล่าว
หากวิเคราะห์จากประชากรในอาเซียนซึ่งมีกว่า 600 ล้านคน ซึ่งอินโดนีเซียมีประชากรที่เป็นมุสลิมมากที่สุด 300 ล้านคน ไทยอยู่ตรงกลางบวกกับสงขลาเป็นจังหวัดที่ส่งออกมากที่สุดอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ มีพร้อมทั้ง ท่าเรือ รถไฟ สนามบินพร้อมเป็นศูนย์กระจายสินค้าส่งออกในตลาดเออีซี
จุดเด่นของสงขลาคือมีศักยภาพ มีสถาบันการศึกษา โรงพยาบาลที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะจากมาเลเซียที่เข้ามาใช้บริการ ทั้งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์(มอ.) รพ.กรุงเทพ-หาดใหญ่ โรงพยาบาลหาดใหญ่ โรงพยาบาลสงขลา ที่สำคัญมีสถานที่ท่องเที่ยวทางบก ทางทะเล อีกทั้งค่าครองชีพที่ไม่สูงเพียงแต่ต้องยกระดับการพัฒนาสาธารณูปโภค รวมทั้งภาคบริการให้ดีขึ้น ซึ่งจะตอบโจทย์ตลาดอาเซียนได้ไม่ยาก
นายสมพร กล่าวว่าการจะยกระดับและพัฒนาเศรษฐกิจไม่สามารถเดินได้เพียงลำพัง ดังนั้นหากจะก้าวให้ทันขบวนเออีซี จำเป็นต้องผนึกกำลังของหอการค้าในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยหยิบเอาจุดต่างมาเป็นจุดร่วม เพื่อสร้างจุดแข็งและเดินก้าวไปด้วยกันเมื่อบานประตูอาเซียนเปิดกว้างออก
"การทำงานยุคใหม่ต้องเน้นจับมือกันทุกภาคส่วนเป็นเครือข่ายหรือภาพใหญ่เพื่อขับเคลื่อนงาน เพื่อหาจุดยืนหรือจุดแข็งให้แต่ละพื้นที่ เช่น ปัตตานี เรื่องฮาลาล ส่วนยะลา เป็นแหล่งผลิตและกระจายผลผลิตการเกษตร ส่วนเบตง แหล่งท่องเที่ยวชายแดน สตูลท่องเที่ยวทางทะเล นราธิวาส ค้าชายแดนบริเวณสุไหงโก-ลก ส่วนหาดใหญ่การค้า ส่งออก เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาบทบาทศักยภาพให้ตรงจุดไม่ต้องแข่งกันเอง จากนั้นค่อยขยับเข้าสู่แผนยุทธศาสตร์เดียวกัน เพื่อให้เห็นผลชัดเจน"นายสมพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการผนึกกำลังของภาคเอกชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชนจังหวัดชายแดนภาคใต้(กกร.จชต.)โดยมี 3 องค์กรหลักประกอบด้วย หอการค้า,สภาอุตสาหกรรมและชมรมธนาคารในจังหวัดยะลาปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ให้สอดรับการพัฒนาเชิงโครงสร้างหรือยุทธศาสตร์ในระดับภูมิภาคให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
"ในอนาคตเราต้องเตรียมพร้อมคน และสาธารณูปโภค เบื้องต้นเอกชนนำร่องตั้งกกร. 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกัน"
กรณีด่านชายแดนภาคใต้ที่ภาคเอกชนและหอการค้า 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้พยายามหาความร่วมมือพัฒนาให้เป็นรูปธรรม ทั้งการพัฒนาด่านใหม่บ้านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา การขยายด่านสะเดา รวมถึงเส้นทางคมนาคมหลักหรือมอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา ต้องเดินหน้าเต็มที่เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเปิดรับเออีซี หากสิ่งเหล่านี้สำเร็จภาคใต้จะเป็นตลาดและแหล่งส่งออกที่สำคัญที่สุดของไทยได้
ทั้งนี้หากเจาะลึกถึงแนวคิดการนำสงขลา เดินหน้าสู่การเป็นผู้นำกลุ่ม จะเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมควบคู่การพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองด้วย ในแบบฉบับ “เศรษฐกิจนำ สังคมและสิ่งแวดล้อมตาม” เพื่อสนับสนุนให้เป็นเมืองเศรษฐกิจที่ยั่งยืน การเกิดขึ้นของอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม คอนโดมิเนียมจำนวนมาก หากไม่สนใจสิ่งแวดล้อมในอนาคตอาจมีปัญหาเรื่องน้ำเสีย สังคมแออัด ดังนั้นก่อนที่จะก้าวไปสู่จุดนั้นต้องวางแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมให้ดี
ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20130528/507876/สมพรผนึก5จว.ชายแดนใต้-รองรับเออีซี.html