เอแบคโพลล์เผยคนไทย 52% ไม่กังวลสัมพันธ์ไทย-เขมร 47 % ห่วงเกิดสงคราม 61% คิดว่าไม่กระทบต่อการรวมกลุ่มประชาคมอาเซียน

                                        
 
เอแบคโพลล์สำรวจความเห็นประชาชนพบส่วนใหญ่หรือ 52% ไม่กังวลต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในอนาคน กรณีพิพาทเขาพระวิหาร ขณะที่คนส่วนใหญ่
หรือ 47% กลับเกรงว่าจะนำไปสู่สงคราม 61% คิดว่าไม่กระทบต่อการรวมกลุ่มประชาคมอาเซียน

นายสุริยัน บุญแท้ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องความกังวลของประชาชนต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ท่ามกลางกรณีพิพาทประสาทพระวิหาร : กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี ปทุมธานี ชลบุรี อุตรดิตถ์ สุโขทัย เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ หนองบัวลำภู สกลนคร ศรีสะเกษ ขอนแก่น ระนอง พัทลุง และ
สุราษฎร์ธานี จำนวนทั้งสิ้น 2,232 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15-19 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน โดยมีช่วงความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7 ประเด็นสำคัญที่พบ
มีดังนี้

ท่ามกลางกรณีพิพาทประสาทพระวิหารในสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่า
ตัวอย่างร้อยละ 47.6 รู้สึกกังวลต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาในอนาคต
ขณะที่ร้อยละ 52.4 ไม่รู้สึกกังวล
 
เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อการส่งผลกระทบต่อการรวมกลุ่มประชาคมอาเซียนจากกรณีพิพาทดังกล่าว พบว่า
ตัวอย่างเกือบ 2 ใน 3 หรือร้อยละ 61.1 คิดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการรวมกลุ่มประชาคมอาเซียน
ในขณะที่ร้อยละ 38.9 คิดว่าส่งผล

ส่วนความกังวลว่ากรณีพิพาทนี้จะนำไปสู่สงครามระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า
ตัวอย่างเกือบครึ่งหรือร้อยละ 47.4 กังวลมากถึงมากที่สุด
ขณะที่ร้อยละ 27.6 กังวลน้อยถึงไม่กังวลเลย
โดยมีร้อยละ 25.0 กังวลปานกลาง
 
อย่างไรก็ดี พบว่าตัวอย่างสูงถึงร้อยละ95.2สนับสนุนให้ใช้การเจรจาโดยสันติวิธีเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา
โดยมีเพียงร้อยละ4.8สนับสนุนให้ใช้กำลังทหาร

เมื่อสอบถามถึงความรู้สึกที่มีต่อชาวกัมพูชาในปัจจุบัน พบว่า
ตัวอย่างร้อยละ 24.3 ระบุรู้สึกดี
ร้อยละ 42.0 ระบุรู้สึกเฉยๆ
ในขณะที่ร้อยละ 33.7 ระบุ รู้สึกแย่

นายสุริยันกล่าวว่า แม้กรณีพิพาทประสาทพระวิหารจะเป็นเรื่องตึงเครียดของทั้งสองประเทศ แต่คนไทยเองก็ยังอยากรักษามิตรกับประเทศนี้ไว้ และหนุนแนวทางสันติวิธีในการแก้ปัญหา

ทั้งนี้ จากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มเป้าหมายผู้ถูกศึกษา ยังพบว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อาทิ การค้าชายแดน แรงงาน และการลงทุนในกัมพูชานั้น แม้จะมีระดับความสำคัญไม่เทียบเท่ากับอธิปไตยเหนือดินแดน แต่ก็ถือว่ามีความสำคัญมากที่จะยอมสูญเสียไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น จึงไม่อยากให้เกิดเหตุบานปลายจนกระทบต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจดังกล่าว และหวังว่ารัฐบาลของทั้งสองประเทศจะมีแนวทางออกในการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติ
ร่วมกันต่อไป

 

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์


 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ aseanthai.net ดูทั้งหมด

584

views
Credit : aseanthai.net


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน