เอสซีจีแจงผลงานปี’ 56 กำไร36,719 ล้านบาท
เอสซีจีเผยผลประกอบการปี 2556 มีรายได้การขายและกำไรเพิ่มขึ้น ขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนต่อ พร้อมงบวิจัยและพัฒนา 4,000 ล้านบาท
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยผลการดำเนินงานของเอสซีจี ประจำปี 2556 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 434,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน เพราะการเติบโตของทุกธุรกิจ และมีกำไร 36,719 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อน เพราะฟื้นตัวต่อเนื่องของธุรกิจเคมีภัณฑ์ และปริมาณความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี 2556 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 104,412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการเติบโตของธุรกิจหลัก แต่ลดลง 8 %จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานของมาบตาพุด โอเลฟินส์ และปัจจัยตามฤดูกาลของธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีกำไร 8,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเคมีภัณฑ์ และปริมาณความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น แต่ลดลง 16% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปัจจัยตามฤดูกาลของธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานของมาบตาพุด โอเลฟินส์
สำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ในปี 2556 มีรายได้จาก การขาย 38,929 ล้านบาท คิดเป็น 9% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน เนื่องจากการเข้าซื้อกิจการในอินโดนีเซียและเวียดนาม โดยการซื้อกิจการกระเบื้องเซรามิกในเวียดนาม หรือ Prime Group ส่งผลให้เอสซีจีมีกำลังการผลิตกระเบื้องเซรามิกสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ปัจจุบัน เอสซีจี มีสินทรัพย์รวมในอาเซียน มูลค่า 71,844 ล้านบาท หรือประมาณ 16% ของสินทรัพย์รวมของบริษัทสินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 มีมูลค่า 440,633 ล้านบาท
“นอกจากนี้ เอสซีจี ยังมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มต่อเนื่อง โดยในปี 2557 ได้เตรียมงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) กว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งในปี 2556 ที่ผ่านมา เอสซีจีใช้งบประมาณ R&D 2,068 ล้านบาท ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่งผลให้สินค้าในกลุ่ม HVA มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 35 ของยอดขายรวมปี 2556 ขณะที่สินค้า SCG eco value มียอดขาย 26% ของยอดขายรวม” นายกานต์ กล่าว