บล.เออีซี สตาร์ทธุรกิจแบบครบวงจร โชว์บิ๊กดีลในมือมูลค่ากว่า 1 แสนล้าน ภายใน 3 ปี
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี (AEC) กดปุ่มสตาร์ทธุรกิจแบบครบวงจร เดินหน้าให้บริการครบทั้ง 5 ไลเซนส์ brokerage - dealing - Derivatives Agent - Investment advisory service - underwriting “ประพล มิลินทจินดา” เผยมีบิ๊กดีลในมือให้บริหารมากถึง 100,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี รองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จาก CWE แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาการลงทุนเกี่ยวกับพลังงานทดแทนมีเม็ดเงินพร้อมลงทุนในไทย 50,000 ล้านบาท อีกทั้งรับเป็นที่ปรึกษาการฟื้นฟู และปรับโครงสร้างในธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีชั้นนำ 10,000 ล้านบาท และเตรียมยื่นเป็นที่ปรึกษาจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure fund) ทั้งภาครัฐ และเอกชน ประมาณ 20,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมยื่นจัดตั้ง บลจ.เพื่อสร้างธุรกิจให้มีเครือข่ายครบวงจร ล่าสุด “อภิชัย เตชะอุบล” มองเห็นศักยภาพที่โดดเด่นเข้ามาร่วมถือหุ้นเป็นพันธมิตร และตั้งให้เป็นที่ปรึกษาจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts : REIT) ขนาด 20,000 ล้านบาท พร้อมนำบริษัทลูกของ TFD เข้าระดมทุนจากตลาดในปีหน้า
นายประพล มิลินทจินดา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือAEC กล่าวว่า เป้าหมายของ บล.เออีซี คือการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคอาเซียน บริษัทฯ จึงมีแผนที่จะพัฒนา และต่อยอดแบบครบวงจรโดยใช้กลยุทธ์การเชื่อมต่อกับ “พันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ” ในการรุกขยายงานทุกด้านเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน โดยดำเนินการภายใต้ใบอนุญาตทางธุรกิจที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการทั้ง 5 ใบ คือ 1.ใบอนุญาตประกอบธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Securities brokerage) 2. ใบอนุญาตประกอบธุรกิจการค้าหลักทรัพย์ (Securities dealing) 3.ใบอนุญาตประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives Agent) 4.ใบอนุญาตประกอบธุรกิจการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน (Investment advisory service) 5.ใบอนุญาตประกอบธุรกิจการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Securities underwriting)
ขณะนี้ บล.เออีซี พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันมีหลายโครงการที่จะเข้าไปดูแลคิดเป็นมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี มีทั้งการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาแนวทางการพัฒนาฟื้นฟูปรับโครงสร้าง และการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีระดับชั้นนำของประเทศ มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท เป็นที่ปรึกษาในการระดมทุนให้แก่ผู้ประกอบการพลังงานทดแทน (wind power) ค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท และโครงการอื่นๆ เพิ่มเติม เนื่องจาก บล.เออีซี เป็นที่เป็นที่ปรึกษาของ “China International Water & Electric Corporation (CWE)” ในการหาผู้ร่วมทุน และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน ทั้งในส่วนของไฟฟ้าพลังงานน้ำ พลังงานลม และ/หรือ พลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อลงทุนในประเทศไทยด้วย เบื้องต้นคาดจะดึงเม็ดเงินเข้าลงทุนร่วมกับผู้ประกอบการไทยไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเป็นที่ปรึกษาของ Guangxi State Farms Agricultural Reclamation E-Commerce Co.,Ltd ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้ารายใหญ่ของประเทศจีน ให้เป็นที่ปรึกษาด้านการระดมทุน เพื่อทำหน้าที่ในการมองหาช่องทางแหล่งเงินทุนจากไทยสู่จีน และจีนสู่ไทย
นอกจากนี้ บล.เออีซี มีแผนที่จะยื่นเพื่อขอเป็นที่ปรึกษาในการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure fund) ของภาครัฐและเอกชน ขนาดกองทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมยื่นจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เพื่อสร้างธุรกิจให้มีเครือข่ายครบวงจร และล่าสุด นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม (TFD) ได้มองเห็นศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่นของ บล.เออีซี จึงเข้ามาร่วมถือหุ้นและพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมกันนี้ ได้ตั้งให้ บล.เออีซี เป็นที่ปรึกษาในการทำธุรกรรมทางด้านลงทุน และระดมทุม เนื่องจาก TFD มีแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts : REIT) ขนาดเริ่มต้น 2,100 ล้านบาท และจะขยายเป็น 20,000 ล้านบาท ภายใน 2 ปี พร้อมทั้งมีแผนนำบริษัทลูกของ TFD เข้าระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2557 และเร็วๆ นี้ บล.เออีซี เตรียมที่จะเปิดตัวพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติมทั้งชาวไทย และต่างประเทศอีกด้วย
“บล.เออีซี ในวันนี้มีความพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อเข้าสู่การทำงานในวงการตลาดทุนอย่างเต็มตัว โดยทีมบริหารที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจอย่างเต็มที่ และมุ่งเน้นใช้หลักธรรมาภิบาล เป็นเสมือนเครื่องมือในการพัฒนาขีดความสามารถ และนโยบายที่โปร่งใสตรวจสอบได้ (Good Governance) นอกจากนี้ เรายังนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในธุรกิจหลักทรัพย์ พร้อมระบบการตรวจสอบทุกขั้นตอน และแม้ว่า บล.เออีซี จะเป็นสมาชิกใหม่ แต่ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกโบรกเกอร์แต่งตั้งให้ คุณกอบเกียรติ บุญธีรวร ประธานเจ้าที่บริหาร บล.เออีซี เป็น 1 ใน 9 คณะกรรมการของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนา และขับเคลื่อนตลาดทุนได้” นายประพลกล่าว
ด้านนายกอบเกียรติ บุญธีรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รับอนุญาตให้เริ่มประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจาก สำนักงาน ก.ล.ต.และได้รับความเห็นชอบให้เริ่มส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในฐานะสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2556 ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ในด้านระบบไอทีเกี่ยวกับคำสั่งซื้อ-ขายหลักทรัพย์ สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันมีจำนวนเพิ่มดีขึ้นตามลำดับ
พร้อมกันนี้ บล.เออีซี มีแผนงานที่จะเปิดสาขาเพิ่มเติมทั้งในกรุงเทพฯ และในเขตภูมิภาค ประมาณ 4 สาขา ภายในต้นปี 2557 นี้ เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึง และในอนาคตพร้อมที่จะเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั้งนี้ วางเป้าหมายครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทย (Market share) อยู่ในอันดับ TOP5 ภายใน 3 ปีข้างหน้า
ส่วนงานวาณิชธนกิจที่ให้บริการด้านที่ปรึกษาทางการเงิน และการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (IPO) ขณะนี้ได้ทีมงานที่มีประสบการณ์ในด้านที่ปรึกษาทางการเงินอย่างยาวนาน เข้ามารุกธุรกิจด้านวาณิชธนกิจอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้เริ่มมีดีลในมือแล้วประมาณ 4 ราย ในการทำ IPO และดีลอื่นๆ อีกมากกว่า 10 ดีล ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ให้เห็นเป็นรูปธรรมในปีหน้า นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ เพราะถือว่าคุณภาพของงานคือปัจจัยสำคัญสำหรับการเจาะตลาด และการให้บริการลูกค้า ซึ่งขณะนี้ได้สร้างทีมวิเคราะห์หลักทรัพย์ชุดใหม่ โดยได้ น.ส.ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล มารับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์
นายกอบเกียรติ กล่าวต่อในช่วงท้ายว่า ด้วยทีมบริหารที่มีฝีมือแล้ว ยังมีคอนเน็กชันกว้างขวาง มีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจขนาดใหญ่ จะทำให้ บล.เออีซี มีดีลสำคัญในด้านที่ปรึกษาด้านการลงทุน การปรับโครงสร้าง การระดมทุน และอื่นๆ อีกมากในอนาคต ไม่เพียงเฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่ บล.เออีซี มีเป้าหมายจะก้าวสู่การเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับแต่งตั้งจาก “China International Water & Electric Corporation (CWE)” ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ China Three Gorges Corporation (CTG) เป็นผู้นำด้านพลังงานขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศจีน แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาในการหาผู้ร่วมทุน และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน ซึ่งจะทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนเกิดขึ้นในประเทศ และที่สำคัญถือเป็นสัญญาณการลงทุนก้าวแรกที่ทำให้นักลงทุนจากประเทศอื่นๆ หันมามองการลงทุนในประเทศไทยอีกด้วย
“บล.เออีซี มีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร เพื่อรองรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ซึ่งคาดว่าจะเกิดธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น โดยเฉพาะด้านวาณิชธนกิจ และด้วยทีมบริหารที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนและคอนเน็กชันกว้างขวาง ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถให้บริการได้ครอบคลุมทุกธุรกรรมทางการเงิน-การลงทุน และสามารถก้าวไปสู้เป้าหมายที่วางเอาไว้ได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้” นายกอบเกียรติ บุญธีรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี กล่าวในที่สุด