“ซีพีเอ็น” ทุ่ม 1.2 แสนล้านลุยอาเซียน ชูร่วมทุนนำร่องมาเลเซีย-อินโดฯ-เวียดนาม
ASTVผู้จัดการรายวัน - “ซีพีเอ็น” เปิดเกมรุกค้าปลีกอาเซียนรับเปิดเออีซี กางแผน 15 ปีทุ่ม 120,000 ล้านบาทนำร่อง 3 ประเทศหลัก มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ผุด 30 สาขาประเดิม ร่วมทุนกลุ่มไอเบอร์ฮาดในมาเลเซียผุดโครงการแรกที่รัฐสลังงอร์
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้าง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด หรือซีพีเอ็น เปิดเผยว่า ซีพีเอ็นวางแผนการรุกธุรกิจค้าปลีกในภูมิภาคอาเซียนในช่วง 15 ปีจากนี้ไป โดยจะมุ่งเน้นใน 3 ประเทศหลักยุทธศาสตร์ก่อน คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ด้วยการร่วมทุนกับทางกลุ่มทุนท้องถิ่นสร้างศูนย์การค้าประมาณ 30 แห่ง มูลค่าการลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 120,000 ล้านบาท หรืองบลงทุนเฉลี่ยโครงการละ 4,000 ล้านบาท
ขณะที่ในประเทศไทยนั้นก็ยังมีแผนการลงทุนต่อเนื่องเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กร หลังจากที่มีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีภายในปี 2558 ซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนโดยเฉลี่ยปีละ 3 โครงการอย่างต่ำ ปัจจุบันบริษัทฯ มีศูนย์การค้าทั่วไทยมากกว่า 30 แห่งแล้ว ล่าสุดปลายปีนี้เตรียมเปิดเซ็นทรัลเฟสติวัลหาดใหญ่ ส่งผลให้ธุรกิจของซีพีเอ็นมีการเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 15-20% ต่อปีมาโดยตลอด และเติบโตมากกว่าตลาดค้าปลีกศูนย์การค้าโดยรวมด้วย
สาเหตุที่ให้ความสำคัญต่อสามประเทศดังกล่าวเนื่องจากว่ามีประชากรจำนวนมาก โดยอินโดนีเซียมีถึง 200 กว่าล้านคน มาเลเซีย 29 ล้านคน เวียดนามประมาณ 80 ล้านคน ส่วนการที่จะต้องมีถึง 10 แห่งในแต่ละประทศก็เพื่อให้เกิดขนาดของความคุ้มค่าทางการลงทุน หรืออีโคโนมีออฟสเกลด้วย (Economy of Scale) โดยโครงการใช้เวลาคืนทุนประมาณ 7 ปีเท่าในไทย ซึ่งรูปแบบที่เราลงทุนก็จะเหมือนในไทยทุกอย่างเพียงแต่ปรับในรายละเอียดให้เหมาะสมในแต่ละประเทศเท่านั้น เป็นไปได้ทั้งการร่วมทุนกับการเทกโอเวอร์ แล้วแต่จังหวะและโอกาส ส่วนที่เมืองจีนนั้นก็ยังมีทีมงานศึกษาอยู่ ยังไม่ได้ยกเลิกไป
อีกทั้งการเปิดเออีซีจะทำให้ภูมิภาคนี้เป็นตลาดเดียว มีประชากรรวมกว่า 600 ล้านคน และเป็นกลุ่มที่มีอำนาจการซื้อสูงในระดับมิดเดิลไฮเอนด์
วัลยา จิราธิวัฒน์ (กลาง)
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นนี้ซีพีเอ็นได้อนุมัติการลงทุนในต่างประเทศเป็นแห่งแรกที่ประเทศมาเลเซีย โดยซีพีเอ็นร่วมทุนกับทางบริษัทไอซีพี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของไอ เบอร์ฮาด (I-BERHAD) ยักษ์ใหญ่ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย จัดตั้งบริษัท เซ็นทรัล พลาซ่า ไอซิตี้ มอลล์ จำกัด โดยซีพีเอ็นถือหุ้น 60% และไอซีพีถือหุ้น 40% เพื่อก่อสร้างโครงการเซ็นทรัลพลาซา ไอ-ซิตี้ มูลค่ากว่า 5,800 ล้านบาท รูปแบบรีจินัลมอลล์ ในโครงการ i-City เป็นเมืองเทคโนโลยีใหม่ของมาเลเซียในเมืองชาห์อลัม รัฐสลังงอร์
โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในเขต 7 ของเมืองชาห์อลัม รัฐสลังงอร์ พื้นที่ 28 ไร่ พื้นที่โครงการทั้งหมด 278,000 ตารางเมตร พื้นที่ขาย 89,700 ตารางเมตร เท่ากับเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ซึ่งรองรับกลุ่มเป้าหมายที่มีประชากรมากกว่า 600,000 คน และรัฐสลังงอร์อีก 5 ล้านคน คาดเปิดบริการปี 2559
ประเทศมาเลเซียถือเป็นตลาดที่น่าสนใจอันดับต้นๆ ประชากรมีรายได้ 15,000 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี หรือ 480,000 บาทต่อคนต่อปี การเติบโตของจีดีพีแข็งแกร่งมากโดยปี 2553 อยู่ที่ 246,800 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มเป็น 287,900 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2554 และเป็น 307,200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2555 และปี 2556 รัฐบาลมาเลเซียคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 5.5%
ขณะที่ตลาดค้าปลีกในมาเลเซียยังมีโอกาสอีกมาก เพราะคนมาเลเซียมีอำนาจการซื้อสูงกว่าคนไทย 2 เท่า ปัจจุบันจีดีพีต่อคนของมาเลเซียอยู่ที่ 332,800 บาท ส่วนจีดีพีของคนไทยอยู่ที่ 176,000 บาท
ข้อมูลจากเอสซีบี อีโคโนมิก อินเทลลิเจนซ์ระบุด้วยว่า สัดส่วนกลุ่มผู้บริโภคในมาเลเซียกลุ่มมิดเดิลทูไฮเอนด์ในปี 2545 เท่ากับ 30% แต่เพิ่มเป็น 60% ในปี 2553 และยอดค้าปลีกต่อประชากรของมาเลเซียสูงกว่าไทยประมาณ 4 เท่า แต่สัดส่วนของโมเดิร์นเทรดต่อประชากรน้อยกว่าไทยและสิงคโปร์มาก และคาดว่าปีนี้ธุรกิจค้าปลีกของมาเลเซียจะเติบโต 6% จากการประเมินของรีเทลกรุ๊ปมาเลเซีย
นางสาววัลยากล่าวต่อว่า ในมาเลเซียมีผู้ประกอบการค้าปลีกหลายรายแต่ไม่ได้เป็นเชนเหมือนในไทย และส่วนใหญ่ก็มีรากฐานมาจากอสังหาริมทรัพย์ โดยกลุ่มใหญ่ๆเช่น แคปปิตอลมอลล์ของสิงคโปร์ เอสเอ็มลามของฟิลิปปินส์ เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้มีสาขามาก ดังนั้นโอกาสของเราจึงมีอีกมากเพราะมีความแตกต่าง รวมทั้งการนำแบรนด์ไทยไปเปิดบริการด้วย ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านอาหาร ร้านไอทีต่างๆ