ป้ายโฆษณาดิจิตอลบูม ขึ้นแท่นผู้นำสื่อนอกบ้านใน 5 ปี
เทคโนโลยีส่งป้ายโฆษณาดิจิตอลถูกลง อีก 3-5 ปีขึ้นแท่นผู้นำตลาดป้ายโฆษณาชิงส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 50% ส่วนป้ายเอาต์ดอร์แนวโน้มโตต่างจังหวัดทดแทน “ไอบริก” เดินหน้าเปิดตลาดอาเซียน ชี้ลาว-พม่า-เวียดนาม ตลาดป้ายโฆษณามีศักยภาพโตตามเศรษฐกิจ ส่วนไทยชี้มูลค่าตลาดสื่อโฆษณานอกบ้านปีนี้คาดโต 10-15% จาก 10,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
นายสักกฉัฐ ศิวะบวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอบริก จำกัด ผู้จัดงานเทรดโชว์ในธุรกิจป้ายและโฆษณา เปิดเผยว่า ตลาดรวมสื่อโฆษณานอกบ้านทั้งหมดในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. สื่อเอาต์ดอร์ 40% 2. สื่ออินสโตร์ 20% 3. สื่อทรานซิต 20% และ 4. สื่อป้ายดิจิตอล 20% โดยทิศทางในปีนี้พบว่า กลุ่มป้ายดิจิตอลมีอัตราการเติบโตมากสุดถึง 30% ส่วนสื่อเอาต์ดอร์จะตกลงจากปีก่อน 5% ส่งผลให้ทั้งปีนี้ภาพรวมสื่อป้ายโฆษณานอกบ้านน่าจะเติบโตได้ถึง 10-15% หรือมีมูลค่าราว 12,000 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มสื่อเอาต์ดอร์ไม่ได้หายไปไหน และจะไม่หายไปจากอุตสาหกรรม แต่จะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นดิจิตอลมากขึ้น ขณะเดียวกันยังจะเติบโตในต่างจังหวัดมากขึ้น และจะถูกใช้กับกลุ่มธุรกิจเฉพาะอย่างมากขึ้นด้วย เช่น ห้างสรรพสินค้า และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ขณะที่สื่อป้ายดิจิตอลในอีก 3-5 ปีข้างหน้า มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่มหลักของตลาด หรือมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% ส่วนสำคัญมาจากต้นทุนที่ถูกลงของเทคโนโลยีดิจิตอล จากที่ปีนี้ต้นทุนลดลงไปอีก 30-50% อีกส่วนหนึ่งมาจากการนำไปประยุกต์ใช้คู่กับสมาร์ทโฟน หรือสื่อโฆษณาอื่นๆ เข้าด้วยกัน มีการครีเอทีฟงานมากขึ้น ทำให้ตลาดป้ายดิจิตอลโตขึ้น
นายสักกฉัฐกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามไทยถือเป็นศูนย์กลางธุรกิจป้ายและโฆษณาในอาเซียน โดยฝั่งยุโรปมองไทยเพื่อใช้บุกตลาดอาเซียนต่อไป ส่วนผู้ประกอบการไทยเองมีความพร้อมในการบุกตลาดอาเซียนเช่นกัน โดยประเทศที่มีศักยภาพของตลาดป้ายและโฆษณา คือ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ทางบริษัทพร้อมรุก 3 ประเทศในอาเซียนก่อน คือ เวียดนาม ลาว และพม่า โดยจะเริ่มมีการนำกลุ่มผู้ประกอบการเข้าไปพูดคุย ดูงาน ที่ประเทศเหล่านี้เริ่มตั้งแต่ครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังได้ใช้งบประมาณกว่า 50 ล้านบาท สำหรับจัดงาน SING ASIA EXPO 2013 และ LED&DIGITAL SIGN 2013 ขึ้นระหว่างวันที่ 14-17 พ.ย.นี้ ที่อิมแพค เมืองทองธานี บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 30 ประเทศทั่วโลก หรือกว่า 12,000 ราย โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท