อาเซียนสั่งสมาชิกเลิกกีดกันการค้า จี้มาเลย์-อินโดฯลดภาษีแอลกอฮอล์ เวียดนาม-กัมพูชา ลดภาษีปิโตรเคมี

 อาเซียนสั่งสมาชิกแก้มาตรการกีดกันทางการค้า ทุกชาติต้องนำร่อง 1 เรื่อง และแก้ให้จบใน 1 ปี พร้อมจี้มาเลเซีย อินโดนีเซียลดภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เวียดนาม กัมพูชาลดภาษีปิโตรเคมี สั่งทำข้อผูกพันค้าบริการชุดที่ 10 ให้เสร็จปี 58 เปิดให้อาเซียนถือหุ้นอย่างน้อย 70% ส่วนผลประชุมรัฐมนตรี RCEP ขีดเส้นเจรจาเปิดเสรีจบปี 58
       
       นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเดินทางไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 45 ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไนว่า อาเซียนได้รับทราบผลการดำเนินงานเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งจนถึงขณะนี้อาเซียนสามารถทำตามแผนได้ประมาณ 80% ของการดำเนินการทั้งหมด โดยประเทศที่มีความคืบหน้ามาก ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ส่วนฟิลิปปินส์ และกัมพูชาต้องเร่งดำเนินการให้มากกว่าเดิม และได้ย้ำว่าอาเซียนจะต้องเป็น AEC ในปี 2558 เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของอาเซียนต่อประชาคมโลก
       
       สำหรับการติดตามความคืบหน้าในประเด็นด้านการค้า อาเซียนได้ขอให้ทุกประเทศเสนอมาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษี (NTMs) ที่ถูกร้องเรียนว่าเป็นปัญหาอุปสรรคทางการค้า 1 เรื่อง เป็นกรณีศึกษาเพื่อเป็นตัวอย่างของการแก้ไข หรือยกเลิกมาตรการที่เป็นอุปสรรคทางการค้าในอนาคต โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 1 ปี
       
       ทั้งนี้ อาเซียนยังได้ยืนยันให้มาเลเซียและอินโดนีเซียลดภาษีสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายในปี 2558 โดยใช้มาตรการภายในประเทศ เช่น ภาษีสรรพสามิต แทนภาษีนำเข้าหากจำเป็น รวมทั้งเร่งรัดให้เวียดนามและกัมพูชาลดภาษีสินค้าปิโตรเลียมด้วย
       
       ในด้านการค้าบริการ รัฐมนตรีได้รับทราบผลการจัดทำข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการชุดที่ 9 และเร่งรัดให้สมาชิกทำข้อผูกพันชุดที่ 10 ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 เพื่อให้นักลงทุนในธุรกิจบริการจากอาเซียนสามารถถือหุ้นได้อย่างน้อย 70% ในธุรกิจบริการที่ได้ตกลงกัน และจะมีการปรับปรุงความตกลงให้มีความทันสมัยเพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาในศตวรรษที่ 21 ส่วนในด้านการลงทุน ได้เร่งรัดให้อาเซียนปรับปรุงข้อตกลงให้มีการเปิดเสรีมากขึ้น
       
       นอกจากนี้ อาเซียนยังได้เพิ่มการอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยเห็นชอบให้สินค้าของอาเซียนไม่ต้องสำแดงมูลค่าสินค้า ณ ท่าเรือต้นทาง หรือ FOB ในหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าฟอร์มดีของอาเซียน ในกรณีที่สินค้านั้นผลิตได้ทั้งหมดในประเทศสมาชิก หรือมีการผลิตและแปรสภาพสินค้าตามเกณฑ์ที่อาเซียนกำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่ผู้ส่งออก โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2557
       
       นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า อาเซียน 10 ประเทศยังได้ประชุมกับประเทศคู่เจรจา 6 ประเทศ ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เป็นครั้งแรก ซึ่งรัฐมนตรีทั้ง 16 ประเทศได้ย้ำให้การเปิดเสรีต้องมีตารางการเปิดตลาดเพียงตารางเดียวที่เปิดให้ทุกประเทศ ซึ่งไทยได้ผลักดันว่า หากมีการเจรจากลุ่มย่อยต้องเปิดโอกาสให้ทุกประเทศเข้าร่วม และนำผลเจรจามาให้ทั้ง 16 ประเทศเห็นชอบ และเห็นตรงกันว่าจะผลักดันการเปิดเสรีให้สรุปผลการเจรจาได้ในปี 2558
       
       ทั้งนี้ คณะเจรจา RCEP ระดับเจ้าหน้าที่จะประชุมครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 23-27 ก.ย. 2556 ที่เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย เพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีที่มีประชากรรวมกว่า 3,000 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประชากรโลกที่มีการค้ารวมสูงถึงประมาณ 740,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติรวมอยู่ที่ 21.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2555

 

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ manager.co.th ดูทั้งหมด

223

views
Credit : manager.co.th


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน