กระทรวงพลังงานดันไทยศูนย์กลางซื้อ-ขายไฟฟ้าอาเซียน
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (รมว.พลังงาน) กล่าวว่า ความมั่นคงด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียน ในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะการสร้างความมั่นคงด้านไฟฟ้า โดยจีนได้เสนอตัวขอเป็นศูนย์กลางการซื้อ-ขาย ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน เพราะมองว่าตลาดอาเซียนเป็นตลาดสำคัญขนาดใหญ่ในการซื้อขายไฟฟ้า เพื่อต้องการพลังงานที่มีราคาถูกมาใช้สร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้นถึง 130,000 เมกะวัตต์
ส่วนจีนก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้น 230,000 เมกะวัตต์ ทำให้ประชาชนจีนใช้ไฟฟ้าในราคาถูก และสามารถป้อนไฟฟ้าที่เหลือใช้ให้กับฮ่องกงและมาเก๊าได้ ทำให้จีนมีความต้องการยกระดับประเทศเป็นศูนย์กลางซื้อขายไฟฟ้า ซึ่งไทยจะแข่งขันกับจีนเป็นศูนย์กลางการซื้อขายไฟฟ้ารายใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนให้ได้ โดยระหว่างนี้ได้หารือกับหลายประเทศในการวางแนวทาง หรือวิธีการซื้อขายไฟฟ้าให้เป็นระบบเดียวกัน ที่ผ่านมาไทยเคยเจรจาขอซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจากจีนในราคา 5 เซน แต่จีนจะขายให้ไทยในราคาที่แพงถึง 14 เซน อ้างว่าขายไฟฟ้าผ่านระบบสายส่งแทนการขายผ่านระบบโรงผลิตไฟฟ้า จากต้นทุนที่จีนใช้ผลิตไฟฟ้าประมาณ 10 เซนเท่านั้น โดยให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานในประเทศ
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จากการเจรจากับจีนที่ผ่านมา จีนได้บอกว่าไทยไม่สามารถเป็นศูนย์กลางซื้อขายไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนได้ เพราะมีการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติสูงถึงร้อยละ 70 - 80 ต่อปี ทำให้ไม่มีความมั่นคงด้านไฟฟ้าในประเทศ เนื่องจากเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินไฟฟ้าดับ ท่อส่งก๊าซธรรมชาติจะตัดระบบผลิตทันที เช่น กรณีไม่มีก๊าซธรรมชาติจากสหภาพพม่าส่งมาไทยประมาณ 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเข้ามาสำรอง เมื่อโรงไฟฟ้าปลดระวางพร้อมกัน 6 โรง ไฟฟ้าจะหายจากระบบประมาณ 6,400 เมกะวัตต์ หากบริเวณอ่าวไทยเกิดปัญหา โรงไฟฟ้าจะปิดเกือบทั้งประเทศ ส่งผลร้ายแรงต่อระบบภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจพังทลายหมด
ที่มา : tnnthailand.com