ปธน.เวียดนามเจืองเติ๋นชาง เยือนสหรัฐฯ เดือนนี้

 

ประธานาธิบดีเจื่อง เติ่น ซาง (ซ้าย) สัมผัสมือกับนายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง ขณะเดินทางเยือนจีน เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. และประธานาธิบดีเวียดนามจะเดินทางเยือนสหรัฐฯ ตามคำเชิญของประธานาธิบดีโอบามา ในเดือนนี้. --AFP PHOTO/POOL/ Mark RALSTON.        
เอเอฟพี - ประธานาธิบดีเวียดนาม จะเดินทางเยือนสหรัฐฯ ตามคำเชิญของประธานาธิบดีโอบามา ในเดือนนี้ แหล่งข่าวระบุเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคง และการค้า แม้ว่ายังมีข้อวิตกเกี่ยวกับปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนของเวียดนาม
       
       การเยือนของประธานาธิบดีเจื่องเติ๋นชาง ในครั้งนี้ จะกลายเป็นการเยือนสหรัฐฯ ครั้งที่ 2 ของผู้นำเวียดนาม นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ฟื้นคืนกลับสู่ระดับปกติ โดยแหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโอบามาได้เชิญนายชาง เยือนทำเนียบขาวในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ค. แต่ทำเนียบขาว และสถานทูตเวียดนามปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
       
       เวียดนามต้องการที่จะขยายความร่วมมือทางทหารกับสหรัฐฯ ในขณะที่ชาติต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวหาจีนถึงท่าทีแข็งกร้าวที่เพิ่มมากขึ้นในดินแดนพิพาท
       
       ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างจีน และฟิลิปปินส์ยังคงอยู่ในระดับสูง ความขัดแย้งเหมือนจะผ่อนคลายลงระหว่างปักกิ่ง และฮานอย นำไปสู่การตัดสินใจของโอบามา ที่เชื้อเชิญประธานาธิบดีชาง เยือนสหรัฐฯ
       
       ประธานาธิบดีเวียดนามเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อเดือนก่อนเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อพิพาทดังกล่าว ซึ่งสื่อทางการของจีนระบุว่า เวียดนามเห็นพ้องที่จะจัดตั้งสายด่วยเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรือประมงในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้
       
       แต่ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับเวียดนามที่เติบโตขึ้น ได้เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐสภาของสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า ฝ่ายบริหารนั้นไม่ดำเนินการตามที่รับปากว่าจะเรียกร้องเวียดนามให้ปรับปรุงประเด็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน
       
       แฟรงค์ วูล์ฟ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรครีพับลิกัน จากเวอร์จิเนีย กล่าวหาว่า การบริหารของโอบามานั้น “อ่อนแออย่างไม่น่าเชื่อ” ในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในเวียดนามและที่อื่นๆ
       
       “หากคุณโหวตให้โอบามา และคุณคิดว่าเขาจะเป็นผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพทางศาสนาในเวียดนาม คุณถูกหลอกแล้ว” วูล์ฟ กล่าว และยังกล่าวหาอีกว่า โอบามานั้นเป็นประธานาธิบดีที่เลวร้ายที่สุดที่เคยมีในเรื่องนี้
       
       เจ้าหน้าที่บริหารที่ให้การต่อสภาคองเกรสเมื่อเดือนที่ผ่านมา ระบุว่า ประเด็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนของเวียดนามนั้นทวีความรุนแรงขึ้น โดยเวียดนามได้จับกุมนักโทษการเมืองมากกว่า 120 คน และยังขยายการควบคุมไปบนอินเทอร์เน็ต
       
       นโยบายของโอบามา ได้ให้ความสำคัญกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากโอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์กับภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และส่วนใหญ่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ
       
       นับตั้งแต่เริ่มต้นทำหน้าที่ประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 โอบามา ได้พบกับผู้นำสิงคโปร์ และบรูไน ที่ทำเนียบขาว และเดินทางเยือนพม่า นอกจากนั้น ยังขยายความสัมพันธ์ทางการค้ากับเวียดนาม
       
       ประธานาธิบดีบิล คลินตัน ได้ฟื้นความสัมพันธ์สู่ระดับปกติกับเวียดนาม และเดินทางเยือนครั้งประวัติศาสตร์ในปี 2543 ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เดินทางเยือนเวียดนามในปี 2550 เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-แปซิฟิก ขณะที่ประธานาธิบดีเหวียนมิงเจี๊ยต เป็นประธานาธิบดีเวียดนามเพียงคนเดียวที่เยือนทำเนียบขาว นับตั้งแต่สงครามเวียดนาม ในปี 2550 ตามคำเชิญของบุช.

 

ที่มา : manager.co.th