TICONออกREIT6พันล.

     นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)เพื่อจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust : REIT) ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ มูลค่ากองทุนฯอยู่ที่ 6 พันล้านบาท คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนได้ในเดือนตุลาคม 2556 โดยบริษัทฯจะบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์ให้กองทุนฯดังกล่าว 35%ในไตรมาส 4นี้
       
           ทั้งนี้ บริษัทจะขายสินทรัพย์ให้กับกองREITดังกล่าวรวมมูลค่า 6 พันล้านบาท แบ่งเป็นโรงงานให้เช่า 2 พันล้านบาท และคลังสินค้า (แวร์เฮ้าส์) 4 พันล้านบาท หรือคิดเป็นพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่า 2.9 แสนตารางเมตร ซึ่งกองREIT สามารถกู้เงินได้ 35%ของNAV ดีกว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีกฎระเบียบการกู้เงินได้น้อยกว่า ทำให้Yield สูงขึ้น และหากมีการลงทุนในต่างประเทศก็สามารถนำสินทรัพย์ดังกล่าวมาขายในREIT เพิ่มเติมได้
           นายวีรพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯคงเป้าหมายรายได้เติบโตจากปีก่อน 30%ที่มีรายได้รวม 6.06 พันล้านบาท ส่วนแผนการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทฯได้เข้าไปดูโอกาสการลงทุนสร้างโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าในประเทศแถบอาเซียน เช่น เวียดนาม พม่า และอินโดนีเซีย คาดว่าภายใน 1-2 ปีข้างหน้าจะเห็นการลงทุนดังกล่าว
           ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าเสนอให้บริษัทเข้าไปลงทุนสร้างคลังสินค้าให้เช่าในพม่า แต่ยังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากค่าเช่าที่ดินในพม่าปรับตัวสูงมาก ขณะที่เวียดนามยังมีความเสี่ยง เพราะรัฐบาลเวียดนามเข้ามาลงทุนแข่งกับภาคเอกชนทั้งนิคมฯ โรงงานและคลังสินค้าให้เช่า เป็นต้น
            ด้านนายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯยังคงเป้าหมายการขายที่ดินในนิคมฯปีนี้ไว้ 3 พันไร่ แม้ว่าครึ่งปีแรกนี้จะขายที่ดินไปแล้วใกล้เคียง 500 ไร่ก็ตาม แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังยอดขายที่ในนิคมฯจะเพิ่มขึ้นสูงมาก ซึ่งภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง จะทำให้จีนหันมาลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งไทยเป็นประเทศในกลุ่มเป้าหมายที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน
           " ในครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าดีลซื้อที่นิคมฯขนาด 1 พันไร่จะได้ข้อสรุป หลังจากเมื่อเร็วๆนี้ได้ขายที่ดินให้นักลงทุนจีน 350 ไร่เพื่อลงทุนชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีBacklog ในมืออยู่ 2-3 พันล้านบาท จากครึ่งปีแรกรับรู้รายได้จากการขายที่ไปใกล้เคียง 500 ไร่"