“สหพัฒน์”จี้รัฐคุมค่าบาท ดึงอดีตบิ๊กพณ.ลุยอาเซียน

 ASTVผู้จัดการรายวัน – “สหพัฒน์”ดึง “จันทนา” อดีตบิ๊กข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ นั่งแท่นเอสพีไอ หัวหอกหลักบุกตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียน หวั่นเศรษฐกิจจีนแย่กระทบภาพรวม คาดจีดีพีปีนี้แค่ 2% ห่วงกำลังซื้อรากหญ้าครึ่งปีหลัง จี้รัฐดูค่าเงินให้ดี
       
       นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกลุ่มสหพัฒน์ได้แต่งตั้งนางจันทนา บูรณฤกษ์ ซึ่งอดีตเป็นข้าราชการ ก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก อธิบดีกรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ ก่อนที่จะเกษยณ ให้เข้ามาดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เพื่อให้เข้ามาวางแนวทางและขยายตลาดต่างประเทศให้กับเครือสหพัฒน์โดยเฉพาะตลาดอาเซียนเป็นหลัก รองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558
       
       “ตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกทั้งอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่นก็ไม่ดี แย่กันทั้งนั้น แต่ความจริงจะไมได้ส่งผลกระทบทีเดียวพร้อมกันหมดส่วนจีนก็เพิ่งเริ่มจะไม่ดี ถ้าจีนไม่เกิดข้กคงจะไม่กระทบอาเซียน และเมื่ออาเซียนไม่ดีก็คงกระทบไทยแน่นอน”
       
       ตลาดอาเซียนก็เป็นตลาดที่ใหญ่และเติบโตดี เราก็สนใจไปลงทุน แต่ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป เช่นที่ พม่า เพิ่งเปิดประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติมาก ราคาที่ดินก็แพงขึ้นหลายเท่าตัว ระบบอินฟราสตรัคเจอร์ก็ไม่พร้อม ลาวทรัพยากรมากแต่ประชากรน้อย ตลาดไม่ใหญ่ ส่วนเวียดนามประชากรมากแต่การแข่งขันก็รุนแรง เรายังคงมองที่พม่าเป็นอันดับต้นๆในกลุมนี้
       
       อย่างไรก็ตาม เครือสหพัฒน์ยังมีการขยายการลงทุนต่อเนื่องเช่นกัน เช่น ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ปีนี้ ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 – 30 มิ.ย.นี้ ก็จะมีการเปิดตัวสินค้าและบริษัทร่วมทุนใหม่ๆอีกเช่นกันเช่น การเปิดตัวสินค้าสเตชั่นเนอรี่ญี่ปุ่น บริษัทไทเกอร์ดิสทริบิชั่นที่ทำธุรกิจโลจิสติกส์ที่ขยายการลงทุนสุ่ธุรกิจทัวร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับทางกลุ่มทุนญี่ปุ่นอีก 3 -4 รายที่จะร่วมทุนทำธุกกิจด้วยกัน
       
       นายบุณยสิทธิ์กล่าวให้ความเห็นด้วยว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยปีนี้คาดว่า จะทำให้ค่าจีดีพีเติบเพียง 2% เท่านั้น ตลาดส่งออกของไทยก็กระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทไทยก็ยังแข็งไป ซึ่งน่าเป็นห่วงมากที่สุด ผมดูจากอำนาจการซื้อของผู้บริโภค ทิศทางที่รัฐบาลส่งเสริม ค่าเงินประเทศก็ไม่ค่อยดี แต่ของไทยเราแข็งต่อเนื่อง มันผิดสังเกต ถ้าประเทศที่ฉลาดเขาก็จะหาทางป้องกัน ที่ผ่านมาไทยเราดีเติบโตก็เพราะเรื่องการส่งออกเป็นหลัก
       
       เขาย้ำด้วยว่า แม้วาจะมีกลุ่มทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทนในททยมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าไทยเราดีกว่าประเทศอื่นมากเกินไป เป็นเพราะญี่ปุ่นไปลงทุนที่จีนมากเกินไปแล้วซึ่งตอนี้ญี่ปุ่นกับจีนก็มีปัยหากันด้วยเรื่องเกาะ เลยต้องการกระจายความเสี่ยงเข้ามาในอาเซียนมากขึ้นทั้งไทย เวียดนาม พม่า
       นายบุณยสิทธ์ กล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจของจีนส่งสัญญานชะลอตัวลงซึ่งจะเป็นปัจจัยลบอันใหม่ ทำให้เศรษฐกิจของโลกทรุดตัวลงอีก จากเดิมที่ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจไม่ดีไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนปัญหาที่จีนนั้นอาจกระทบมาถึงต่อเศษฐกิจภูมิภาคอาเซียน และกระทบกับกัยไทยด้วย และท้ายที่สุดจะกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งไทยเองก็มีปัจจัยลบทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น การส่งออกที่ชะลอตัว กำลังซื้อในประเทศหดตวลง ฉุดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกให้ขยายตัวไม่มากนัก ทางเครือเลยชะลอการลงทุนไว้บ้าง
       
       “ผมห่วงกำลังซื้อในประเทศช่วงครึ่งปีหลัง เพราะกลุ่มรากหญ้ากระทบหนักลหังจากที่ รัฐบาลปรับลดราคารับจำนำข้าวเหลือ 12,000 บาท จากเดิม 15,000 บาทต่อตัน และค่าเงินบาทที่ผันผวนอยู่ ยังเป็นปัจจัยน่าเป็นห่วงต่อภาคการส่งออก
       
       รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับเรื่องค่าเงินบาท เพราะหากเงินแข็งค่าทำให้รายได้ประชาชนลดลง ที่ผ่านมา รัฐบาลกับพ่อค้า มีมุมองต่อเรื่องนี้ที่ตางกัน ไม่มีการซินโคไนซ์กัน แม้บาทแข็งจะส่งผลดีต่อผู้นำเข้า บาทอ่อนดีต่อผู้ส่งออก แต่รัฐบาลต้องเลือกว่าแบบไหนเหมาะสมับประเทศไทยมากที่สุด”

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ manager.co.th ดูทั้งหมด

238

views
Credit : manager.co.th


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน