สมคิด ฟันธง อาเซียนมีอนาคต แต่การเมืองไม่มีมาตรฐาน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาทางวิชาการวิทยาลัยการทัพสัมพันธ์ ครั้งที่ 2/2556 ในหัวข้อ บูรพาภิวัฒน์ ผลกระทบต่อประเทศไทยและยุทธศาสตร์ทหารของกองทัพไทย โดยระบุว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่เข้าสู่บูรพาภิวัฒน์ หลังผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะญี่ปุ่นไม่ได้มุ่งเน้นทางทหารแล้ว แต่หันหน้าไปหาเศรษฐกิจ ผ่านการประสานระหว่างรัฐกับเอกชนของญี่ปุ่น และผลิตของใช้ผ่านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จนกลายเป็นรูปแบบในการก้าวไปสู่การพัฒนา จากนั้น ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ก็เติบโตตามมา โดยมีสหรัฐฯและกลุ่มยุโรป เป็นตลาดหลักในการรองรับสินค้า ถือเป็นกลุ่มแรกของลิตเติ้ลไทเกอร์ หรือ ลิตเติ้ลดราก้อน เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวมีความเข้มแข็งทางการเมือง ไม่เหมือนกลุ่มประเทศชุดหลังที่ตามมา อาทิ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่มีความเปราะบาง เพราะไม่สามารถพัฒนาทางการเมืองให้มีมาตรฐานได้ มีการคอร์รัปชั่นที่รุนแรง

นายสมคิด ยังระบุอีกว่า จุดเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงที่สุด คือ กลุ่มเอเชีย เริ่มมีความคิดก้าวหน้าเพื่อความเป็นหนึ่ง โดยมีจีนเป็นผู้นำหลัก ทำให้อเมริกา และยุโรป เริ่มตกงาน เนื่องจากจีนมีต้นทุนการผลิตต่ำ หลายประเทศจึงมุ่งหน้าหาจีน และในที่สุดเอเชียก็กลายเป็นกลุ่มที่เริ่มมีอำนาจต่อรอง อเมริกาจึงหันมาให้ความสำคัญและช่วยเหลือกลุ่มอาเซียนมากขึ้น โดยมีเป้าหมายสกัดกั้นจีน ที่จะเติบใหญ่ในเอเชีย ขณะที่ฝ่ายอาเซียนก็ฉุกคิดว่า อเมริกาจะมาช่วยเพื่อวัตถุประสงค์ใด ในที่สุดจึงมีการรวมตัวเป็นอาเซียน+3 ซึ่งมีจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดก็ไม่ไว้วางใจจีน จึงเกิดอาเซียน+6 ขึ้นมา โดยดึงอินเดีย เข้ามาเป็นประเทศสำคัญ

นายสมคิดกล่าวว่า สำหรับปัญหาใหญ่ของประเทศไทย คือความยากจน หากดูที่ความไม่เท่าเทียม ไทยอยู่อันดับที่ 12 ของโลก เกษตรกรยากจน ข้าวมีคุณภาพต่ำ ระบบชลประทานสู้ต่างประเทศไม่ได้ มาตรการช่วยเหลือทั้งประกันรายได้หรือรับจำนำ ก็เป็นแค่มาตรการระยะสั้น แต่สุดท้ายก็ใช้ระยะยาว จึงแก้ปัญหาความยากจนไม่สำเร็จ ดังนั้นควรปฏิรูปอย่างจริงจังแบบเกาหลีใต้ ทั้งปฏิรูปสหกรณ์ ปฏิรูปการผลิต ปฏิรูปการตลาด ไม่ใช่มองเพียงการหาเสียงเพื่อการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะนโยบายชั่วคราว หากทำไปเรื่อยๆ ประเทศจะจนลง ไม่มีเงินมาพัฒนา คนและสิ่งต่างๆก็แข่งขันกับใครไม่ได้

ทั้งนี้ ประเทศในกลุ่มอาเซียนที่โดดเด่นขณะนี้ คือ อินโดนีเซีย เพราะมีมุมมองการเมืองที่เข้มแข็ง แม้กระทั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังต้องเดินทางมา อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะอยู่ใจกลางอาเซียน แต่การเมืองภายในรวมถึงระบบกฎหมายที่มีปัญหา ทำให้ไม่มีใครอยากเข้ามา และต่างชาติก็มองประเทศทางเลือกอย่าง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เป็นประเทศสำรอง

ที่มา : มติชนออนไลน์