ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นเร่งขยายการผลิต และเพิ่มยอดขายในตลาดอาเซียน
มิตซูบิชิ อิเล็กทริค คอร์ป ได้เริ่มการผลิตตู้เย็นหรูในไทย ขณะที่ชาร์ป คอร์ป เผยแผนการเริ่มเดินเครื่องโรงงานแห่งใหม่ในอินโดนีเซีย เร็วกว่าที่กำหนดไว้
การยกระดับการผลิตในภูมิภาคนี้ บ่งชี้ว่า ในปัจจุบัน บริษัทญี่ปุ่นไม่ได้มองประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ เป็นเพียงแค่ฐานการผลิตสำหรับสินค้าราคาถูก ที่มีค่าแรงงานถูกเท่านั้น แต่ยังมองว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ ที่สามารถคาดหวังถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้
นอกจากนี้ การที่โตชิบา คอร์ป กำลังสร้างโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศในไทย และพานาโซนิค คอร์ป สร้างโรงงานในอินเดีย และเวียดนาม ยังตอกย้ำให้เห็นว่า บริษัทญี่ปุ่นกำลังเพิ่มสายการผลิตของแต่ละรายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกรณีของพานาโซนิคนั้น บริษัทยังได้เปิดศูนย์วิจัยเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค ใน 13 ประเทศ ซึ่งลูกจ้างของศูนย์นี้ จะพากันไปเยี่ยมเยียนครัวเรือนต่างๆ เป็นประจำ เพื่อดูว่า แต่ละบ้านใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไร การเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาสินค้าให้เหมาะกับความต้องการของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวข้างต้น เป็นเพราะอัตราการเป็นเจ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยคาดว่า ตลาดจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
การเพิ่มการเข้าลงทุนดังกล่าว ยังทำให้การแข่งขันระหว่างบริษัทญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้ อย่าง ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ โค และ แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ อิงค์ ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ ซัมซุง ซึ่งมีฐานการดำเนินงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่สิงคโปร์ ได้เคลื่อนไหวเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการทุ่มงบโฆษณาที่บริษัทระบุว่า มียอดรวมทั่วโลกอยู่ที่ 1 ล้านล้านเยน ซึ่งนายโนบูรุ ฟูจิโมโตะ กรรมการผู้บริหารของชาร์ป ระบุว่า ซัมซุงได้ผลตอบกลับจากการโฆษณาดังกล่าวยอดเยี่ยมมาก และเรื่องนี้เป็นสิ่งที่บริษัทญี่ปุ่นคิดไม่ถึงมาก่อน
บรรดาบริษัทเกาหลีใต้ ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบดีขึ้นกว่าเดิมออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น เปิดตัวเครื่องปรับอากาศในอินโดนีเซีย ที่สามารถขับไล่ยุงได้ โดยใช้คลื่นความถี่สูง และวางจำหน่ายตู้เย็น ที่สามารถล็อคประตูได้ในอินเดีย เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกจ้างในบ้านมาขโมยอาหารไป
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์