คาดเศรษฐกิจพม่าโต 4 เท่า เชื่อมอินเดีย จีน อาเซียน
สถาบันแม็กคินซีย์โกลบอลออกรายงานระบุว่า ภายในปี 2573 เมียนมาร์ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดของเอเชีย จะสามารถเพิ่มการจ้างงานได้ 10 ล้านคน และยกระดับฐานะประชาชนให้พ้นจากความยากจนได้ 18 ล้านคน
รายงานฉบับนี้คำนวณว่า ระหว่างปี 2533-2553 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ของเมียนมาร์ ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 4.7% ซึ่งยังตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีศักยภาพที่จะโตได้ถึงปีละ 8% จนถึงปี 2573
อย่างไรก็ดี ประเทศนี้ต้องแก้ไขความขัดแย้งทางเชื้อชาติและศาสนา, เดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองต่อไป, พัฒนาการศึกษา ซึ่งคนส่วนใหญ่ได้เรียนเพียงชั้นประถมสี่, ขยายบริการด้านสาธารณสุข การธนาคาร และบริการทางธุรกิจ รวมทั้งต้องลดอุปสรรคในการทำธุรกิจ เพื่อดึงดูดนักลงทุน
แม็กคินซีย์บอกว่า เมียนมาร์มีจุดแข็งในแง่ที่ตั้งของประเทศ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงอินเดีย จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาคการผลิตจะเป็นตัวสร้างความเติบโต ซึ่งเมียนมาร์ควรเปลี่ยนจากการทำเกษตรไปยังกิจการที่สร้างรายได้สูงกว่า เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ
ภาคการผลิตจะสร้างมูลค่าแก่จีดีพีได้ปีละ 2.11 ล้านล้านบาทภายในปี 2573 นับว่าเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 7 เท่า และแซงหน้าภาคเกษตร ซึ่งปัจจุบันสร้างรายได้ 6.4 แสนล้านบาท
กิจการสาธารณูปโภค, เหมืองแร่, พลังงาน, การท่องเที่ยว และโทรคมนาคม จะมีบทบาทขยายการเติบโตเช่นกัน แต่เมียนมาร์จะต้องลงทุน 9.654 ล้านล้านบาท สร้างโครงข่ายการขนส่งและโรงไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม แม็กคินซีย์เตือนว่า เศรษฐกิจของเมียนมาร์จะโตได้ก็ต่อเมื่อมีการปฏิรูปอย่างทั่วด้าน และเสริมสร้างเสถียรภาพ เพื่อดึงดูดการลงทุนระยะยาว
รายงานกล่าวเตือนว่า "หากไม่มีการวางแผนพัฒนา และปฏิบัติตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ การเล็งผลเลิศเหล่านี้จะไม่กลายเป็นความจริง"
ที่มา : www.prachachat.net