พิษการเมือง!อินโดนีเซียจ่อแซงหน้าไทย ครองบัลลังก์ตลาดรถยนต์เบอร์1อาเซียน

พิษการเมือง!อินโดนีเซียจ่อแซงหน้าไทย ครองบัลลังก์ตลาดรถยนต์เบอร์1อาเซียน

       รอยเตอร์ส - อินโดนีเซีย จะแซงหน้าไทย ยึดบัลลังก์ตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างเร็วที่สุดก็ในปีนี้เลย จากแรงขับเคลื่อนของกำลังซื้อชนชั้นกลางที่ขยายตัว รวมถึงอุปสงค์ที่ร้อนแรงของยานพาหนะต้นทุนต่ำและรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
       
       ข้อมูลของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์อินโดนีเซีย (Gaikindo) ระบุยอดจำหน่ายรถยนต์ในแดนอิเหนา ชาติเศรษฐกิจใหญ่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเดือนมีนาคม ขยายตัวจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ถึงร้อยละ 17.8 นำโดยโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ไดฮัตสุ มอเตอร์และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ป
       
       ตัวเลขดังกล่าวนับว่าเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วกว่าเท่าตัว โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ของอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2013 ขณะที่ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย พบว่าในเดือนเดียวกันนี้เอง ยอดจำหน่ายรถยนต์แดนสยาม ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อนถึงร้อยละ 45
       
       นอกจากนี้ อินโดนีเซียกำลังจะได้ประโยชน์จากกรณีที่เหล่าบริษัทต่างๆกำลังเมียงมองย้ายฐานปฏิบัติการจากประเทศไทย อันสืบเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและปัญหาอุทกภัย ที่ได้กัดเซาะอุปสงค์ภายในและแนวโน้มทางเศรษฐกิจก็ดูจะเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง
       
       "พันธมิตรของเราจับตาไปที่สองประเทศใหญ่อย่างอินโดนีเซียและไทย บางทีอาจเป็นเพราะจำนวนประชากรของทั้งสองประเทศ" นายปริโยโน ซูเกียร์โต ซีอีโอของพีมี แอสตรา อินเตอร์เนชันแนล บริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซียบอกกับรอยเตอร์ "ขณะนี้อินโดนีเซียกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เราถูกมองในฐานะหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
       
       การบริโภคภายในประเทศคิดเป็นกว่าครึ่งของเศรษฐกิจอินโดนีเซีย ซึ่งธนาคารกลางแดนอิเหนาคาดหมายว่าจีดีพีปีนี้น่าจะขยายตัวระหว่างร้อยละ 5.5 ถึง 5.9 นับเป็นหนึ่งในชาติที่มีการเติบโตร้อนแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ดินแดนแห่งนี้มีประชากรราว 240 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก
       
       อย่างไรก็ตามความทะเยอทะยานเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคของอินโดนีเซีย อาจถูกกัดเซาะโดยระบบสาธารณูปโภคและระบบจ่ายพลังงานที่เก่าเก็บและไม่เพียงพอที่รื้อรังมานานหลายทศวรรษ สืบเนื่องจากขาดการลงทุนและระบบราชการที่ล่าช้า
       
       กระนั้นก็ดีกระทรวงพลังงานของอินโดนีเซียเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่ามีแผนขยายความสามารถในการผลิตไฟฟ้าสูงสุด 60 กิกะวัตต์ ใช้งบประมาณการลงทุนราว 125,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการซึ่งคาดหมายว่าน่าจะเพิ่มขึ้นอีกราวเท่าตัวในปี 2022
       
       ฟรอสต์แอนด์ซุลลิแวน บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยด้านการตลาดบอกว่าในส่วนของประเทศไทย คาดหมายว่ายอดจำหนายรถยนต์ในปี 2014 น่าจะเหลือแค่ 1.175 ล้านคัน ลดลงจากหนึ่งปีก่อนหน้านี้ร้อยละ 11.7 สืบเนื่องจากปัญหาความยุ่งเหยิงทางการเมืองและความไม่แน่นอนหลังการเลือกตั้ง สวนทางกับอินโดนีเซีย ที่น่าจะมียอดจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 6.5 เป็น 1.31 ล้านคัน
       
       กุสตาโว โคลอนซี รองประธานฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเจเนรัล มอเตอร์ส ให้ความเห็นว่ายอดขายรถยนต์ของไทยในช่วงไตรมาสแรกปี 2014 ชะลอตัวลง สอดคล้องกับความกังวลต่อปัญหาความไม่สงบทางการเมือง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งศูนย์กลางเศรษฐกิจและเมืองหลวง "ขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์ของอินโดนีเซียดูแข็งแกร่งมากในช่วงเวลาเดียวกัน และเราคาดหมายว่ามันจะก่อผลกระทบทางบวกต่อยอดจำหน่ายรายปีทั้งในประเทศและทั่วภูมิภาค"
       
       เมื่อเดือนมกราคม โตโยต้าเผยว่ากำลังพิจารณาทบทวนแผนการลงทุน 20,000 ล้านบาทในไทยหรือแม้แต่ลดกำลังผลิตหากปัญหาความไม่สงบยังลากยาวต่อไป อย่างไรก็ตามก็มีผู้ผลิตบางส่วนยังมองแง่บวกต่อความเป็นไปได้ในการเติบโตระยะยาวของไทย "ความเป็นไปได้ในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ มิอาจถูกประเมินค่าต่ำไปด้วยแต่เรื่องยุ่งเหยิงเพียงชั่วครั้งชั่วคราว" นายฮิโรยูกิ โยชิโมโต ประธานนิสสัน มอเตอร์ ประจำประเทศไทยระบุ

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ manager.co.th ดูทั้งหมด

255

views
Credit : manager.co.th


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน