บังคับคดีเร่งบริหารทรัพย์สิน เปิดกว้างนักลงทุนไทย/เทศ รองรับเปิด AEC
กรมบังคับคดีโหนกระแส AEC เล็งปรับช่องทางบริหารทรัพย์สินในรูปแบบใหม่ เปิดกว้างนักลงทุนไทย/เทศ ร่วมประมูลทรัพย์แบบ Real time
นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมบังคับที่ดิน เปิดเผยว่า กรมบังคับคดีมีแผนที่จะปรับวิธีการประมูลทรัพย์สินที่อยู่ในมือให้ระบายทรัพย์ออกไปให้ได้มากที่สุด ซึ่งมีแผนที่จะพัฒนาระบบการประมูลให้ชาวต่างชาติเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และถูกกฎหมายด้วย เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 เนื่องจากมีทรัพย์จำนวนมากหลายแปลงที่เหมาะที่จะให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมหรือโรงแรม และรีสอร์ท เป็นต้น
ทั้งนี้ การประมูลนั้น นักลงทุนต่างชาติอาจจะร่วมทุนกับนักลงทุนชาวไทย เพราะกฎหมายของไทยยังไม่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดิน ดังนั้น หากชาวต่างชาติต้องการเข้ามาลงทุนในไทย จึงจะต้องเข้ามาลงทุนในลักษณะร่วมทุนกับนักลงทุนชาวไทย
นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมบังคับคดีอยู่ระหว่างพัฒนาระบบสารสนเทศ หรือ IT เพื่อรองรับการประมูลแบบเรียลไทม์ ( Real time) เพื่อให้ผู้สนใจร่วมประมูลทรัพย์ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สามารถเห็นช่วงเวลาในการประมูลได้ทันที ผ่านสมาร์ทโฟน และสามารถร่วมประมูลได้ด้วย โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องประมูล
สาเหตุที่กรมบังคับคดีต้องปรับตัวในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากในปี 2558 จะเปิด AEC แล้ว ซึ่งคาดว่านักลงทุน นักธุรกิจในหลายประเทศใน AEC จะมีความต้องการพักอาศัยในประเทศที่ตัวเองจะเข้าไปทำธุรกิจ หรือส่งลูกหลานไปศึกษาในประเทศนั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลาว กัมพูชา พม่า เห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมา ตลาดที่พักอาศัยในจังหวัดที่ใกล้เคียงกับประเทศลาว กัมพูชา และพม่าเติบโตอย่างมาก อาทิ อุบลราชธานี อุดรราชธานี หนองคาย กาญจนบุรี และเชียงใหม่ เป็นต้น
นอกจากนี้ กรมบังคับคดียังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทาง เพื่อนำทรัพย์ออกมาขายด้วยวิธีอื่นๆ ที่ไม่ใช่การประมูลด้วย โดยเฉพาะทรัพย์บางรายการที่ไม่ใช่ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และหุ้น ซึ่งนักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อได้โดยไม่ผิดกฎหมายด้วย ซึ่งในปัจจุบันชาวต่างชาติก็ลงทุนในหุ้นในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว
ในแต่ละปีกรมบังคับคดีจะยึดทรัพย์มาได้เฉลี่ย 200,000 ล้านบาท และสามารถขายทอดตลาดต่อเนื่องปีละ 100,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีสต๊อกอยู่ในมือ 40,000 ล้านบาท เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 7,100 ล้านบาท อาคารชุด 5,000 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ที่หมุนเวียนอยู่อีก 123,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้พยายามที่จะประชาสัมพันธ์ เพื่อให้นักลงทุน ผู้สนใจทั้งในและต่างประเทศเข้าถึงข้อมูลหลากหลายช่องทาง โดยปีนี้มีแผนที่จะระบายทรัพย์ออกไป 40,000-60,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาขายทรัพย์ออกไปได้ 34,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเพราะมีการเจรจาประนอมหนี้กันได้มากขึ้น