จี้ปฏิรูปกฎหมาย คุ้มครองผู้บริโภครับเปิด
รศ.ดร. จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานคณะกรรมการองค์การอิสระฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราใช้เวลาในการเสนอ พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคมานานถึง 16 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ปัจจุบันเรื่องนี้ยังค้างอยู่ที่สภา ดังนั้นในส่วนของเรา จึงถึงเวลาที่ต้องร่วมแรงร่วมใจในการปฏิรูประบบคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตนเชื่อว่าเมื่อเรามีสภา พ.ร.บ.องค์กรอิสระจะเกิดเสียที แต่จากการที่รอมานานจึงคิดว่า ต้องทำปฏิบัติการให้เห็นถึงความจำเป็นของกรมี พ.ร.บ. องค์กรอิสระ จึงจำลองคณะกรรมการภาคประชาชน แต่แตกต่างจาก พ.ร.บ. คือมี 2 ชุด 1. ผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้ง 2 ชุด มาจากการเลือกตั้ง โดยองค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ 7 ท่าน 7 ด้าน และผู้เชี่ยวชาญเขต 8 เขต
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า จากสถิติการร้องเรียนของผู้บริโภค ซึ่งร้องเรียนเข้ามายังเครือข่ายมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคเมื่อ ปี 2556 พบว่า มีสูงถึง 3,514 เรื่อง ในจำนวนนี้พบว่า ปัญหาที่มีการร้องเรียนมาที่สุดคือ เรื่องบริการสุขภาพ 1,263 เรื่อง กิจการโทรคมนาคม 749 เรื่อง การเงินการธนาคาร 391 เรื่อง ที่อยู่อาศัย 208 เรื่อง ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 196 เรื่อง สินค้าและบริการ 191 เรื่อง และอื่น 229 เรื่อง แต่กลไกการคุ้มครองผู้บริโภคในปัจจุบัน ถือว่ามีปัญหามาก ไม่ว่าจะเป็นร้องเรียนแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง ล่าช้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหา ล่าสุดเป็นกรณีที่ บริษัทแมคโดนัล ลงบันทึกประจำวันกับผู้บริโภคที่พบแมลงสาบในช็อคโกแลตซันเดย์ ซึ่งจาการตรวจสอบไม่พบว่า มีประเทศใดเคยทำอย่างนี้มาก่อน และยังพบว่า นักวิชาการ และสื่อมวลชน ก็เสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมีปัญหาว่า เกิดเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก การไม่เปิดเผยข้อมูล ข้อเท็จจริง การทดสอบสินค้าต่อผู้บริโภค การโฆษณาผิดกฎหมาย ไม่ขออนุญาตโฆษณา โฆษณาเกินจริง หลอกลวง เป็นเท็จ ข้อมูลทางเลือกในการบริโภค ไม่เปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นในการตัดสินใจของผู้บริโภค ขาดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด มีหลายหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องเดียวกัน ฟ้องคดีนักวิชาการ สื่อที่ให้ข้อมูลต่อสาธารณะเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ปัญหาการผูกขาด กิจการพลังงาน โครงสร้างราคาพลังงานที่ไม่เป็นธรรม คุณภาพบริการที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เช่น ความล่าช้าของบริการการรถไฟ การไม่มีประกันผู้โดยสารของการรถไฟ ไม่มีการลงทุนและสนับสนุนผู้บริโภคในการใช้พลังงานหมุนเวียน อย่างเป็นรูปธรรม
ดังนั้น เบื้องต้นจึงขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยการ
1. เร่งรัดการออกกฎหมายองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ในการให้ความเห็นในการตราและการบังคับใช้กฎหมาย และให้ความเห็นในการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งตรวจสอบการคุ้มครองผู้บริโภคของหน่วยงานรัฐ
2. พัฒนากลไกยกเลิกสินค้าอันตรายอัตโนมัติ เช่น ยาอันตราย สารเคมีอันตราย หรือ สินค้าอันตรายที่พบว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีนโยบายยกเลิกหนึ่งยกเลิกทั้งหมด
3. การเยียวยาเชิงลงโทษ ที่ทันท่วงที และอัตโนมัติ เพื่อปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการ เช่น การเยียวยา 7.3 ล้านบาท กรณีเสียชีวิตจากรถโดยสารสาธารณะ
4. มีหน่วยงานเดียวรับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค ทำหน้าที่ให้ข้อมูล รับเรื่องร้องเรียน และคุ้มครองผู้บริโภค และเป็นอัตโนมัติ เป็นต้น
5. สนับสนุนองค์กรผู้บริโภค เพื่อให้มีส่วนร่วมในการคุ้มครองผู้บริโภค การเผยแพร่ข้อมูล การเข้าถึงห้องทดลอง การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งตรวจสอบหน่วยงานรัฐในการคุ้มครองผู้บริโภคได้มากขึ้น ปัจจุบันเราให้ความสำคัญกับรัฐมาก ท่ามกลางความล้มเหลวของภาครัฐ ดังนั้นตรงนี้เห็นว่าภาคประชาชนและภาคเอกชนควรร่วมมือกันทำงาน เพราะฉะนั้นถ้าข้อเสนอที่เสนอไปนั้นไม่เป็นจริงก็จะไปคุยกับคนขับรถโดยสารให้รับผิดชอบผลิตรถที่มีมาตรฐานแข่งขันกัน อยากให้ผู้ให้บริการมีความรับผิดชอบบ้าง ไม่ใช่รับผิดชอบสังคมโดยการปลูกป่าอะไรแบบนั้น แต่ขอให้รับผิดชอบในสินค้า และบริการของตัวเอง
นายไพโรจน์ พลเพชร กรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวว่า เห็นด้วยว่าจะต้องขับเคลื่อนให้ พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค เกิดขึ้นให้ได้ เพราะการเกิดองค์กรอิสระเพื่อผู้บริโภค จะนำไปสู่การปฏิรูปด้านอื่น เช่น การปฏิรูปโครงสร้างของกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันโครงสร้างของกฎหมายยังเป็นแบบเดิม คือให้อำนาจกับภาครัฐมากกว่า ขณะที่กรอบขององค์การอิสระ จะเน้นที่การสร้างการมีส่วนร่วมโดยเพิ่มองค์ประกอบของภาคส่วนต่างๆ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่เราต้องยืนหยัดต่อสู้กันต่อไป แม้ว่าจะผ่านมา 16 ปี แล้วยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ก็ตาม
นายชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ กรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การขับเคลื่อนเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค จะต้องทำร่วมกันทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม จะละทิ้งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ แต่จะต้องพยายามดึงคนดีเข้ามาร่วมงาน นอกจากนี้ยังเห็นว่าจะต้องพัฒนาองค์ความรู้ให้กับประชาชน ทำให้เกิดความแข็ง ไม่ตกเป็นเหยื่อ ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ทั้งนี้เห็นว่าทั้งหมดนี้ควรเริ่มดำเนินการได้เลยโดยไม่ต้องรอให้องค์การ อิสระเพื่อการบริโภคเกิดขึ้น
น.ส.อรอุมา เกษตรพืชผล จากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า ในเรื่องของการไกล่เกลี่ยระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภค ที่ยังเป็นปัญหาในปัจจุบันนั้น ตนเห็นว่าการไกล่เกลี่ยจะได้ผลจริงๆ จะต้องทำบนพื้นฐานของความยุติธรรม ไม่ใช่ว่าไกล่เกลี่ยไปพอให้เรื่องจบๆ ไป ซึ่งหากทำเช่นนั้นเชื่อว่าปัญหาจะไม่จบ คนที่ได้รับผลกระทบก็จะได้รับผลกระทบซ้ำๆ เพราะฉะนั้นจึงเห็นด้วยว่า จำเป็นต้องมีองค์การอิสระเพื่อผู้บริโภคขึ้นมา นอกจากนี้ยังเห็นว่า ควรตั้งหน่วยงานขึ้นมาแก้ไขปัญหาผู้บริโภคอย่างครอบคลุมทั้งระบบ แบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One stop service)
นายบัณฑิต ตั้งประเสริฐ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วตนเห็นด้วยกับการคุ้มครองผู้บริโภค และยืนดีสนับสนุนให้เกิด พ.ร.บ.องค์การอิสระ โดยให้ยึดหลักธรรมาธิบาล มีส่วนร่วม โปร่งใสในการทำงาน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคของ สคบ. ถือว่าครอบคลุมทั่วประเทศ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะดูแลเนื่องจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมีน้อย เพียง 200 กว่าคนเท่านั้น แต่ต้องดูแลคนถึง 60 กว่านล้านคน ปรับบทบาทผู้บริโภคจากผู้รับสารเป็นผู้สื่อสารเช่นอาจจะสื่อสารผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น แต่จะต้องใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร อย่างรู้เท่าทัน