จีนอ่วมปัญหาหมอกควัน
ประเทศจีนกำลังเผชิญกับภาวะมลพิษ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ถึงเวลารัฐบาลต้องเลือกระหว่างสิ่งแวดล้อม-เศรษฐกิจ จะแก้เรื่องไหนก่อนดี
ประเทศจีนกำลังเผชิญกับภาวะมลพิษ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ถึงเวลารัฐบาลต้องเลือกระหว่างสิ่งแวดล้อม-เศรษฐกิจ จะแก้เรื่องไหนก่อนดีนักวิทย์จีนเตือนมลพิษอากาศเลวร้ายคล้ายภาวะ "ฤดูหนาวนิวเคลียร์" ถ่วงกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช เสี่ยงกระทบปริมาณอาหารในประเทศ
ปัจจุบัน ค่ามลพิษทางอากาศในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน อยู่ในระดับไม่ดีต่อสุขภาพ ทางการเตือนให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน เช่นเดียวกับอีก 6 มณฑลทางเหนือของประเทศที่เผชิญกับภาวะหมอกควันพิษปกคลุมตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จากการยกเลิกเที่ยวบิน ระงับการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม ปิดถนนบางสาย และปริมาณนักท่องเที่ยวลดลง
ล่าสุด นางเหอ ตงเซียน ผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะวิศวกรรมพลเรือนและทรัพยากรแหล่งน้ำ มหาวิทยาลัยเกษตรกรรมจีน เปิดเผยผลการวิจัยใหม่ที่พบว่า มลพิษอากาศลดปริมาณแสงอาทิตย์ภายในโรงเรือนกรีนเฮาส์ลงประมาณ 50% และชะลอกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชช้าลงอย่างมาก
นางเหอทดสอบสมมติฐานดังกล่าวด้วยการเพาะเมล็ดพริกและมะเขือเทศภายใต้แสงเทียมจากห้องทดลอง กับอีกกลุ่มปลูกในโรงเรือนแบบกรีนเฮาส์ พบว่า ในห้องทดลอง เมล็ดพันธุ์งอกใน 20 วัน แต่ในโรงเรือน ใช้เวลากว่าสองเดือน เธอเตือนว่าหากหมอกควันพิษยังดำเนินอยู่ต่อไป ภาคเกษตรกรรมของจีนจะได้รับผลกระทบรุนแรง เผชิญกับสภาพคล้ายกับฤดูหนาวนิวเคลียร์ หรือปรากฏการณ์หลังระเบิดนิวเคลียร์ที่ก่อให้เกิดฝุ่น ควันและเขม่าพุ่งขึ้นไปในชั้นบรรยากาศโลกจนบดบังแสงอาทิตย์
ก่อนหน้านี้ สถาบันสังคมศาสตร์เซี่ยงไฮ้ อ้างรายงานฉบับหนึ่งที่ระบุว่า มลพิษในกรุงปักกิ่ง ทำให้มหานครแห่งนี้ไม่เหมาะสมที่มนุษย์จะอาศัยอยู่ได้ ขณะที่นายหลี่ จุนเฟิง ที่ปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกของรัฐบาลเองก็ระบุว่า หมอกควันพิษอยู่ในระดับที่ไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป
ชาวจีนเริ่มแสดงความโกรธแค้นต่อมลพิษอากาศที่แก้ไม่ตก และแสดงออกด้วยการยื่นฟ้อง ซึ่งหัวหน้าวิศวกรสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของเมือง กล่าวว่า การยื่นฟ้องสะท้อนการตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมของสังคม และไม่ว่าผลการฟ้องร้องจะออกมาอย่างไร ทางสำนักงานก็พยายามต่อสู้กับมลพิษทางอากาศอย่างเต็มที่
หลายเมืองของจีนเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีมลพิษสูงที่สุดในโลก ขณะที่กรุงปักกิ่งระดับมลพิษพุ่งสูงในระดับอันตราย ทั้งนี้ รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะทุ่มงบประมาณมหาศาลถึง 3 ล้านล้านหยวน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยที่กรุงปักกิ่งจะปิดโรงงานที่ปล่อยมลพิษ 300 แห่งในปีนี้ รวมทั้งจะประกาศรายชื่อโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่จะถูกสั่งให้ระงับหรือเลื่อนออกไปภายในเดือนเมษายนนี้
มณฑลอย่างน้อย 15 แห่ง ร่วมลงนามแก้ไขปรับปรุงสภาพอากาศให้ดีขึ้นภายใน 5 ปีข้างหน้า ที่กรุงปักกิ่งเอง มีการวางแผนใช้จ่ายเงิน 760,000 ล้านหยวน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ขณะที่มณฑลใกล้เคียงอย่างเหอเป่ย์ให้คำมั่นว่าจะขับไล่เจ้าหน้าที่ที่ปล่อยให้มีการผลิตเหล็กหรือปูนซีเมนต์มากกว่าโควตาที่ได้รับ ที่นครเซี่ยงไฮ้ มีการออกมาตรการเพื่อร่วมมือกับมณฑลต่าง ๆ ในการลดการปล่อยมลพิษ
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก ระบุภาวะมลพิษในอากาศในภาคเหนือของจีนยังคงมีสภาพน่าเป็นห่วงแม้สภาพอากาศในระยะ 2-3 วันนี้จะค่อยดีขึ้นบ้างแล้วก็ตาม
นายเบิร์นฮาร์ด ชวาร์ทแลนเดอร์ ผู้แทนขององค์การอนามัยโลกประจำจีนระบุว่า ภาวะหมอกมลพิษในกรุงปักกิ่งที่รุนแรงต่อเนื่องถึง 7 วันส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยด้วยอาการผิดปกติในทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งคาดว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาวอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันโทรทัศน์ซีซีทีวี ของทางการจีน ก็ได้แพร่ภาพการปิดเหมืองถ่านหินแห่งหนึ่งในเมืองเทียนจินเพื่อบรรเทามลพิษที่เกิดขึ้น
ทางด้านนายแจ๊ค หม่า ผู้ก่อตั้งธุรกิจอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน "อาลีบาบา" กล่าวว่า สภาพหมอกควันพิษที่ปกคลุมอยู่ทั่วไปหมดในเวลานี้ ทำให้เขามีความสุขมากกว่าปกติ เนื่องจากบุคคลที่เคยมีสิทธิพิเศษในการเลือกบริโภคอาหารและน้ำดื่มหมดลงอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกคนต้องตกอยู่ภายใต้สภาพมลพิษแบบเดียวกัน
นายไฉ ฟาเหอ รองหัวหน้าสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมศาสตร์แห่งประเทศจีน ให้ข้อมูลว่า การประเมินผลกระทบของมลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้ โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องเข้ามาเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปตรวจสอบ และวิเคราะห์สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นว่าลุกลามไปในระดับใดแล้ว
แต่ทว่าความกังวลสำหรับกรณีดังกล่าวก็คือ หน่วยงานตรวจสอบต่าง ๆ มักผูกพันเชื่อมโยงอย่างไม่ออกจากรัฐบาลของแผ่นดินมังกร จนต้องเผชิญกับแรงกดดันให้อธิบายหรือพูดถึงสภาพมลภาวะที่ต่ำกว่าความเป็นจริง
ทั้งนี้ หน่วยงานภายใต้การควบคุมของทางการจีน มักได้รับความน่าเชื่อถือจากประชาชนในการให้ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมน้อยมาก โดยผู้คนมักอ้างอิง และเชื่อถือข้อมูลจากกลุ่มตรวจสอบที่เป็นอิสระมากกว่า
นอกจากนี้ นายไฉ กล่าวว่า หากรัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ จะต้องเปิดใจให้กว้างในการยอมรับการตรวจสอบที่เป็นอิสระ เพื่อป้องกันการบิดเบือนและทุจริตข้อมูล
ในอดีตที่ผ่านมา จีนได้ให้คำมั่นมาตลอดว่า จะไม่เดินตามรอยของบรรดาชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ ที่เลือกพัฒนาประเทศก่อน แล้วหลังจากนั้นจึงมาจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม และมลพิษในภายหลัง แต่สภาพหมอกควันที่ปกคลุมไปทั่ว จนสร้างความอึดอัดอยู่ในเวลานี้ ส่งเสียงเตือนว่า แผ่นดินมังกรกำลังอยู่บนทางเดินแบบเดียวกับบรรดาชาติอุตสาหกรรมเหล่านั้น ซึ่งพวกเขาจะสามารถเปลี่ยนเส้นทางของประเทศได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับบรรดาผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่รัฐจะเลือกสิ่งใดระหว่างสิ่งแวดล้อมและความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ