ไปเยือนหลวงพระบาง...อีกครั้ง
หลวงพระบางวันนี้ เปลี่ยนแปลงไปตามการท่องเที่ยวที่เติบโต น่าเสียดายความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ อีก 5-10ปี จะยังคงเดิมไหม ต้องรอดู!
หลวงพระบางวันนี้ เปลี่ยนแปลงไปตามการท่องเที่ยวที่เติบโต น่าเสียดายความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ อีก 5-10ปี จะยังคงเดิมไหม ต้องรอดู!ผมมีโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศ สปป ลาวอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ และคราวนี้ไป 2 เมืองเลยคือที่เวียงจันทน์ และ หลวงพระบาง ทั้งสองแห่งผมพบความเปลี่ยนแปลง ที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังครับ
ประการแรกคือที่เวียงจันทน์นี่ ผมเห็นความคึกคักในทางเศรษฐกิจ อย่างมาก ผมเห็นมีธนาคารจากประเทศจีนและประเทศเวียดนามมาเปิดสาขาทำธุรกิจใน สปป หลายแห่ง รวมทั้งธนาคารซีไอเอ็มบีไทยของเราก็มีแผนที่จะไปเปิดสาขาที่เวียงจันทน์เร็วๆนี้ นอกจากนี้บางครั้งผมยังได้พบเพื่อนชาวการธนาคารด้วยกันที่ทำงานกับธนาคารอื่นในเวียงจันทน์ด้วย แสดงว่าธุรกิจการค้าการลงทุนใน สปป ลาวกำลังก้าวหน้าอย่างมากทีเดียว คือ ถ้าไม่มีธุรกิจ เขาจะมาเปิดธนาคารกันทำไม
ต่อจากเวียงจันทน์ผมข้ามไปหลวงพระบางโดยทางเครื่องบิน ต้องไปเครื่องบินเพราะถ้าไปด้วยรถยนต์คงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงด้วยกัน คงไม่ทันการเป็นแน่ นั่งเครื่องก็ประมาณ ครึ่งชั่วโมง เท่านั้นเร็วมากคือบินผ่านเทือกเขา ขึ้นไปยังไม่ทันไรก็ลงเสียแล้ว การเดินทางเที่ยวนี้เป็นการเดินทางโดยสายการบินแห่งชาติของ สปป ลาว ซึ่งเป็นเครื่องไอพ่นรุ่นใหม่ครับ ไม่เหมือนเดิมที่เราไปหลวงพระบางต้องไปด้วยครื่องเล็กแบบไอพ่นมีใบพัด ทั้งนี้ก็เพราะว่าเดิมนั้นสนามบินที่หลวงพระบางเป็นสนามบินขนาดเล็ก ทางวิ่งสั้นไม่สามารถนำเครื่องใหญ่ลงได้ ตอนนี้การพัฒนาสนามบินเสร็จเรียบร้อยและมีเครื่องไอพ้นขนาดใหญ่ลงได้ ตัวอาคารผู้โดยสารก็ได้รับการปรับปรุงให้ใหญ่ขึ้น ทันสมัยขึ้น ดูแปลกตาเลยทีเดียว ที่ติดตามมาก็เห็นจะเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น เครื่องที่ผมขึ้นมาจากเวียงจันทน์ มีนักท่องเที่ยวยุโรป ครึ่งค่อนลำเลย
มาถึงเมืองหลวงพระบางผมก็ยังมีความประทับใจกับสภาพของเมืองเก่าเหมือนเดิมครับ คงเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างดี เรียกว่าเป็นความสำเร็จของประชาชน ชาวลาว ทางการลาวและ ยูเนสโก ที่สามารถรักษาความสภาพ และ ความสวยงามของหลวงพระบางไว้ได้อย่างมั่นคง ส่วนออกนอกเขตเมืองเก่ามาก็เห็นการขยายตัวของเมืองและการท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัดครับ มีโรงแรมเกิดใหม่จำนวนมาก โดยผมมีโอกาสเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่เพิ่งสร้างเสร็จ
ได้พูดคุยกับเจ้าของโรงแรม ท่านเล่าว่าท่านไม่ได้ทำธุรกิจโรงแรมมาแต่เดิม แต่หันมาจับธุรกิจด้านนี้ เพราะว่าการท่องเที่ยวในหลวงพระบาง จะเติบโตอย่างมากในอนาคต เพราะในขณะนี้มีแผนที่จะสร้างถนนจากฝั่งไทย แถบจังหวัดน่าน มาหลวงพระบาง และจะมีเส้นทางเชื่อมไปเวียดนามด้วย ดังนั้นในอีก 5 ถึง 10 ปี ข้างหน้า การท่องเที่ยวของหลวงพระบางก็จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมก็เห็นด้วยกับท่านครับ เพราะเห็นจากจำนวนนักท่องเที่ยวแล้วต้องบอกว่าที่นี่มีศักยภาพจริงๆ
ผมก็เลยให้ความเห็นว่าทางการลาวน่าจะต้องควบคุมการขยายตัวของเมืองเช่นกัน คือไม่อย่างนั้นอาจมีตึกสูง ประเภทโรงแรมหรือคอนโดมีเนี่ยมผุดขึ้นมาทำลายความสวยงามของเมืองเสียหมด ท่านก็เล่าให้ฟังว่าทางการก็เห็นปัญหาเหมือนกัน โรงแรมในหลวงพระบางเดิมเป็นการดัดแปลงจากอาคารเก่าสมัยยุคอาณานิคม และวังเก่าเป็นต้น
โดยคงสถาปัตยกรรมภายนอกไว้ ส่วนอาคารใหม่ก็เลยควบคุมความสูง ให้อยูประมาณ 2 ถึง 3 ชั้น และแบบหลังคาอาคารที่ต้องเป็นแบบท้องถิ่น ผมลองสังเกตุดูก็เป็นจริงอย่างที่ว่า คือมองจากที่สูงลงไปก็เห็นเป็นหลังคาทรงแบบอาคารไทยบ้านเราเหมือนๆ กันหมด เห็นแล้วเป็นเมืองที่น่าอยู่น่าอาศัย แต่เสียดายที่คนต่างชาติเป็นเจ้าของที่ดินไม่ได้ครับ
ผมเพลิดเพลินกับเมืองหลวงพระบางอยู่สองวันครับ มีอยู่คืนหนึ่งมีการจัดงานหรืออะไรไม่ทราบ มีการเปิดเพลงเสียเสียงดังไปทั่วเมืองทีเดียว มีทั้งเพลงไทยและเพลงลาวสลับกัน ฟังก็เพลินดี ขนาดอยู่ห่างเมืองมาตั้งไกลยังได้ยินชัด ผมคิดว่าควบคุมกันเสียหน่อยน่าจะเข้าท่า เพราะต่อๆ ไปเราอาจเห็นความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ตามเข้ามาก็ได้ จะทำลายบรรยากาศเดิมๆเสียหมด